วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: เพื่อนแท้กับไหมพรม


     "เพื่อนแท้จะพูดจาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าคำพูดนั้นจะดุเด็ดเผ็ดร้อนปานใด" --อเล็กซานเดอร์ นิโคลาเยวิช ออสโตสกี

     ข้างกายเรามักมีคนบางคนที่ปากคอเราะร้ายเป็นพิเศษ ชอบพูดจาขวานผ่าซาก พูดจาทำร้ายจิตใจผู้อื่นแล้วยังไม่รู้ตัว ทว่า คนที่มีลักษณะนิสัยตรงไปตรงมาเหล่านี้ มักใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มีความสุขกว่าคนที่จิตใจอ่อนไหวมากนัก

     คราวหน้าหากท่านไม่ทันระวัง ถูกใครแว้งกัดเข้าให้อีก อย่าเพิ่งรีบเจ็บช้ำน้ำใจหรือเสียใจ ลองเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ ลองมองหาข้อดีของคนผู้นั้น ไม่แน่ท่านอาจพบหรือได้รับอะไรบางอย่าง ที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนก็เป็นได้

     วันแรกที่ได้พบกับมิสซิสจอห์นสัน มีคนแอบกระซิบบอกเควินว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจ มิสซิสจอห์นสันเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ประจำศูนย์บริการข้อมูลของบริษัท ห้องทำงานของเธออยู่ติดกับห้องรับส่งเอกสาร และเควินก็ทำงานในแผนกรับส่งเอกสาร

     ทุกเช้าเวลาเดินผ่านห้องนั้น เควินจะเห็นมิสซิสจอห์นสันนั่งถักไหมพรมอยู่ที่โต๊ะ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งบอกเควินว่า "เห็นเงียบๆ แบบนี้ ร้ายกาจจนขึ้นชื่อเลยละ เธอจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเราทุกฝีก้าวเลยทีเดียว"

     ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่เควินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตอกบัตร ในเวลาแปดโมงกับอีกสองนาที มิสซิสจอห์นสันก็โพล่งออกมาทันที "คุณมาทำงานสายไปสองนาที!"

     "สายแค่สองนาทีเท่านั้นเอง" เควินตอบเสียงเหนื่อยหอบ

     "ทางที่ดีต้องมาให้เร็วกว่านี้สักสองนาที คนมาทำงานสายคงเจริญก้าวหน้าได้ยาก" มิสซิสจอห์นสันพูดแฝงความหมายลึกซึ้ง คำพูดประโยคนั้นทำให้ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาเควิน เลวร้ายลงจากเดิมมาก

     ต่อมาเควินสังเกตเห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง มิสซิสจอห์นสันจะหยิบไหมพรมออกมาถัก พลางจับตาดูความเคลื่อนไหวของทุกคนไปด้วย

     ช่วงพักเธอยังยกกาแฟมานั่งดื่มที่แผนกรับส่งเอกสาร ถักไหมพรมไปเรื่อยๆ พลางจับจ้องดูว่า พวกเขาจะเล่นลวดลายอะไรหรือเปล่า กระทั่งช่วงพักกลางวันก็ยังไม่ยอมละเว้น

     นานเข้าเควินก็รู้สึกไม่ชอบหน้าเธอมากขึ้นทุกที เขารู้สึกว่าสายตาที่เธอมองมานั้น คล้ายมีแววของการจับผิด ทุกครั้งที่สบตากับเธอ เขาจะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวขึ้นมาทันที

     พอได้รับเงินเดือนเดือนแรก เควินก็นำเงินไปซื้อรองเท้าหนังคู่ใหม่เป็นของขวัญให้กับตัวเอง มิสซิสจอห์นสันมองปราดเดียวก็รู้ทันที เธอทักเสียงดังว่า "สวยจัง ขอฉันดูรองเท้าคู่ใหม่หน่อยสิ"

     เธอตรวจดูรองเท้าคู่ใหม่ของเขาอย่างละเอียดถี่ก้วน จากนั้นก็บอกกับเขาว่า "พื้นรองเท้าไม่ได้ออกแบบมาให้กันลื่น ไม่เหมาะกับพื้นของที่นี่ คุณจะหกล้มไม่วันใดก็วันหนึ่ง"

     เควินตอบอย่างนึกโมโห "ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมโตขนาดนี้แล้ว เรื่องเดินไม่มีปัญหาหรอก"

     ทว่าที่มิสซิสจอห์นสันพูดไว้นั้นไม่ผิด หลังจากสวมรองเท้าใหม่ได้ไม่กี่วัน เควินเดินไปดื่มกาแฟที่ห้องกาแฟ เขาไม่เพียงลื่นล้ม แต่ยังเซไปชนถ้วยกาแฟที่วางเรียงอยู่ด้านข้างหล่นแตกจนหมด พนักงานใหม่อย่างเควินตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบวิ่งกลับมาที่ห้องทำงาน ถามเพื่อนร่วมงานว่าควรทำอย่างไร

     พอมิสซิสจอห์สันทราบข่าว ก็เดินตรงดิ่งมาทันทีแล้วบอกว่า "ไปพบผู้จัดการเถิด ไปรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้เขาทราบ"

     "แล้วผมจะโดนไล่ออกหรือเปล่า" เควินหวั่นใจมาก

     "โดนหรือไม่โดนก็ยังไม่แน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรเมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับ" มิสซิสจอห์นสันกล่าวเสียงราบเรียบ

     เควินสวมรองเท้าใหม่คู่ที่ก่อเรื่องไปยืนต่อหน้าผู้จัดการ เขาตะกุกตะกักเล่าเรื่องที่ตนล้มไปชนถ้วยกาแฟหล่นแตกให้ผู้จัดการทราบ

     ผู้จัดการนั่งนิ่งฟังเขาพูดจนจบ จากนั้นบอกว่า "ถ้วยกาแฟพวกนั้นใช้มานานเต็มที ไหนๆ ก็ใกล้จะถึงวันคริสต์มาสแล้ว ถือโอกาสเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดเลยก็แล้วกัน!

     คำตอบที่เหนือความคาดหมายอย่างยิ่งนั้น ทำให้เควินรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ทว่า เขากลับนึกไม่พอใจในตัวมิสซิสจอห์นสันขึ้นมา คล้ายว่าเธอเจตนาจะให้เขาปล่อยห้าแต้ม ถึงได้บอกให้เขามารายงานให้ผู้จัดการทราบ

     นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่เห็นมิสซิสจอห์นสัน เควินจะนึกโมโห และไม่เคยแสดงท่าทีเป็นมิตรกับเธอเลย หลังจากนั้นไม่นานเทศกาลคริสต์มาสก็มาถึง

     เควินเปิดกล่องของขวัญที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วจึงพบว่าตัวเองเข้าใจอะไรผิดไปมากมาย เพื่อนร่วมงานทุกคนในบริษัทต่างได้รับของขวัญกล่องใหญ่ เมื่อเปิดออกมาก็จะพบเสื้อไหมพรมสวยงาม ความจริงแล้ว ที่มิสซิสจอห์นสันถักไหมพรมอยู่ตลอดเวลานั้น เธอเตรียมของขวัญวันคริสต์มาสให้ทุกคนอยู่นั่นเอง

     เมื่อเควินหันไปมองมิสซิสจอห์นสัน ก็พบว่าเธอกำลังส่งยิ้มมาให้เขาอยู่ เควินรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา เขารู้สึกละอายใจในความเป็นคนใจคอคับแคบของตน

     ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ตัดสินใจว่า นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะมอบรอยยิ้มสดใสที่สุดให้เธอเป็นของขวัญตอบแทน ทันทีที่มาถึงที่ทำงาน


เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่?

     คนที่เห็นคำแนะนำที่จริงใจของผู้อื่นเป็นคำเหน็บแนม หรือเย้ยหยันย่อมมีความสุขได้ยาก เพราะในใจคนผู้นั้น คงจะเต็มไปด้วยขยะ การเก็บท่าทีไม่เป็นมิตรของผู้อื่นไว้ในใจตลอดเวลา ไม่ยอมลืม หาใช่การแก้แค้นฝ่ายตรงข้ามไม่ หากแต่คือการทรมานตัวเอง

     เราควรเรียนรู้ที่จะใช้จิตใจอันเปิดกว้าง รับมือกับทุกสถานการณ์ อย่าปล่อยให้ความคิดคับแคบ เพราะจะทำให้ในใจเต็มไปด้วยขยะค้างปีที่ขึ้นรา วางอารมณ์ไร้ความหมายเหล่านั้นลงเสีย คุณจะพบว่า เรื่องราวทั้งหลายไม่ได้แย่อย่างที่ท่านคิดไว้ แล้วคุณจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขขึ้น

Cr. สุขได้ถ้าวางเป็น - หนังสือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น