กรรมการผู้จัดการบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ต้องการลองใช้ชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปที่นั่งรถเมล์ไปทำงาน เขาตัดสินใจบอกให้คนขับรถจอดรถ แล้วก็เดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์ เมื่อรถเมล์สายที่วิ่งผ่านบริษัทของเขามาถึง เขาจึงรีบขึ้นรถ หยอดเหรียญจ่ายค่ารถและเดินไปนั่งที่นั่งที่ว่างอยู่
ข้างหน้าของเขาเป็นหญิงท้องแก่ ส่วนข้างหลังเป็นหญิงชรา คนเหล่านี้ไม่มีใครแสดงสีหน้าสะทกสะท้านกับการนั่งรถเมล์ที่เขารู้สึกว่ามันแสนจะลำบากเลย เมื่อรถเมล์วิ่งไปได้หนึ่งป้าย ก็มีผู้โดยสารจำนวนมากเดินขึ้นรถ มีสาวสวยนางหนึ่งเดินขึ้นรถมา เขาก็เลยจ้องมองและชื่นชมความสวยของเธออย่างเพลินตา แต่ก็เพราะคนบนรถที่มากขึ้น สุดท้ายสาวสวยก็ถูกเบียดบังด้วยผู้โดยสารอีกหลายคน เขาจึงหลับตาลง เพราะไม่รู้จะมองอะไรให้มันเจริญตาเจริญใจดี
เขาหลับตาไปได้สักครู่ จู่ๆก็มีเสียงอันแสนจะแสบแก้วหูตะโกนด่าขึ้นว่า“แหม! หน้าตาก็ดี ไม่น่าแล้งน้ำใจเลยนะ ดูสิ!ทำเป็นแกล้งหลับ”เมื่อเขาลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมือหนึ่งอุ้มเด็ก อีกมือหนึ่งก็จับราวอยู่ แต่น้ำเสียงที่ตวาดเขาเมื่อครู่นี้ เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังจ้องเขม็งมาที่เขา
“นี่คุณ คนที่ฉันพูดถึงก็คือคุณนั่นแหละ ทำมาจ้องตากรอกไปกรอกมาอยู่ได้ไม่อายคนเขาหรือไง?”
ผู้คนที่นั่งอยู่บนรถต่างพากันมองมาที่เขาเป็นสายตาเดียว ตอนนี้เขาหน้าแดงไปด้วยความโกรธและก็อายเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนและเชิญให้แม่ลูกอ่อนคนนั้นนั่งแทน จากนั้นเขาก็ตัดสินใจกดกริ่งเพื่อลงยังป้ายถัดไป เมื่อเดินลงจากรถ เขาก็จ้องเขม็งไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้
วันนี้เป็นวันสอบสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด มีผู้สมัครจำนวนมากที่ผ่านการสอบข้อเขียนแล้วและมาสอบสัมภาษณ์ในวันนี้ คณะบริหารจำนวน 5 ท่าน รวมถึงเขาเองทำหน้าที่สอบสัมภาษณ์ในวันนี้ พวกเขาทำการสอบสัมภาษณ์ผู้สมัครคนแล้วคนเล่า และเขาก็ต้องมาสะดุดสายตากับผู้เข้ามาสอบสัมภาษณ์หญิงคนหนึ่ง เธอเองก็จ้องมองมาที่เขา ด้วยสายตาตะลึงอย่างนึกไม่ถึงเหมือนกัน ที่แท้เธอคนนี้ก็คือผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนนั้นที่ด่าเขาบนรถเมล์เมื่อเช้านี้นี่เอง
เขานึกกระหยิ่มในใจ คิดหาทางแก้แค้นผู้หญิงคนนี้ยังไงดีถึงจะสาสม เธอเองก็รู้สึกเสียววาบขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าและรอยยิ้มเยาะของซีอีโอคนนี้“คุณผู้หญิงท่านนี้ ผมขอให้คุณช่วยก้มลงเช็ดรองเท้าของคณะกรรมการทุกท่านที่อยู่ในห้องนี้ หากคุณทำได้ ผมตกลงรับคุณเข้าทำงานทันทีโดยไม่ต้องสอบสัมภาษณ์!
ทุกคนต่างพากันตะลึงกับคำพูดของกรรมการผู้จัดการ เธอเองก็ยืนนิ่งอยู่กับที่เช่นกัน ตอนนี้ทางบ้านของเธอต้องใช้เงิน เธอก็ตกงานมาหลายเดือนแล้ว เพราะหน้าตาที่แสนจะธรรมดาของเธอ ทำให้เธอต้องผิดหวังจากงานมาหลายบริษัทแล้ว แม้เธอจะมีความสามารถและผลการเรียนก็ดีมาก และหน้าตาที่ไม่ได้สะสวยนี้ ทำให้เธอยังหางานไม่ได้สักที ในเมื่อโอกาสที่เธอจะได้งานกำลังรอเธออยู่ตรงหน้า เพียงแค่เธอทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง ก้มลงเช็ดรองเท้าให้คณะกรรมการทั้ง 5 ท่านนี้ เธอก็จะได้งานทำทันที
แต่ว่า เธอต้องลดตัวเองลงทำในสิ่งที่เขากำลังหยามศักดิ์ศรีของเธอเช่นนี้หรือ?
กรรมการผู้จัดการเห็นเธอยืนนิ่งเป็นนานสองนาน ก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่กล้าทำในสิ่งที่เขาเสนอเป็นแน่ แต่จู่ๆ เธอก็ตอบตกลง ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เธอนั่งลงกับพื้นแล้วหยิบเอาแปลงขัดรองเท้าและน้ำยาขัดรองเท้า ลงมือขัดรองเท้าให้คณะกรรมการทีละคน และเมื่อมาถึงกรรมการผู้จัดการ เขาแกล้งยกเท้านั่งไขว่ห้าง และพูดออกมาเบาๆว่า
“คุณไม่ได้เก่งเหมือนเมื่อเช้าเลยนะ”
เธอไม่ได้พูดอะไร เอาแต่เช็ดและขัดรองเท้าให้กรรมการผู้จัดการ ยิ่งเธอไม่ตอบโต้อะไร เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ เพราะเมื่อเช้าที่เธอตวาดเขาเป็นเพราะเธอทำเพื่อผู้อื่น เธอไม่ได้ด่าเขาเพื่อตัวของเธอเอง
เมื่อเขาเอื้อมมือไปหยิบดูประวัติและข้อเขียนของเธอ จึงทำให้เขารู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ผลการสอบข้อเขียนของเธอได้เป็นอันดับหนึ่ง แต่กลับถูกเรียกตัวสัมภาษณ์ในลำดับเกือบจะสุดท้าย นี่คงเป็นเพราะเธอหน้าตาธรรมดาเกินไปนั่นเอง เมื่อเธอเช็ดรองเท้าให้ทุกคนเสร็จ เขาจึงลุกขึ้นยืนและประกาศให้ทุกคนทราบว่า
“บริษัทรับคุณเข้ามาทำงานในบริษัทของเรา คุณเริ่มงานได้ในวันพรุ่งนี้”
เธอไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจอะไรเลย ได้แต่ก้มหัวให้คณะกรรมการทุกคนและกล่าวเพียงคำว่า
“ขอบคุณค่ะ”
แต่ที่ทำให้ทุกคนในห้องนั้นตะลึงก็คือ “ดิฉันทำการขัดรองเท้าให้ทุกท่านรวมทั้งคุณด้วยทั้งหมด 5 คู่ คู่ละ 2 เหรียญ รวมทั้งหมดเป็นเงิน10 เหรียญ คุณช่วยกรุณาจ่ายเงินให้ดิฉันด้วยค่ะ เมื่อคุณจ่ายค่าขัดรองเท้าให้ดิฉันแล้ว ดิฉันจึงจะมาทำงานให้บริษัทของคุณ!”
เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะกล้าพูดสิ่งนี้ออกมา แต่ในเมื่อเขาเองก็เพิ่งประกาศรับเธอเข้าทำงานในบริษัทเมื่อสักครู่นี้ เขาจะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้ เขาจึงได้แต่ควักเงินออกจากระเป๋ายืนให้เธอ 10 เหรียญ เธอรับเงินมาแล้วก็เดินออกจากไป จากนั้นก็เดินตรงไปที่ชายชราคนหนึ่ง ที่กำลังเก็บขยะอยู่หน้าบริษัท
“คุณลุงคะ หนูให้เงินคุณลุงไว้ทานข้าวค่ะ”
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เธอทำ อยู่ในสายตาของกรรมการผู้จัดการที่เดินตามเธอออกมาและเห็นเข้า ทำให้เขารู้สึกถึงสิ่งที่เด็กสาวทำ เขารู้สึกประทับใจเด็กสาวขี้เหร่คนนี้ขึ้นมาทันที เมื่อเธอเข้ามาทำงานในบริษัท เธอก็แสดงให้ทุกคนรู้ว่าเธอมีดี และตั้งใจทำงานและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่เข้ามาติดต่องานกับบริษัท อีกทั้งอัธยาศัยไมตรีของเธอ จึงทำให้ทุกคนในบริษัทต่างก็รักและชื่นชมในตัวของเธอ
วันหนึ่ง กรรมการผู้จัดการได้เรียกเธอเข้ามาสอบถาม “ที่ผมทำกับคุณตอนนั้น คุณรู้สึกคับแค้นใจไหม?”
“ที่ดิฉันคุกเข่าลงในวันนั้น ก็เพื่อโอกาสที่จะได้เงยหน้าขึ้นในวันนี้ค่ะ”
Cr. ขอบคุณผู้เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น