วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: กำแพงขวางรัก


     เส้นสมมุติของการแบ่งประเทศทำให้คู่รักหลายคู่ต้องแยกกันอยู่คนละแผ่นดิน เจอหน้ากันเฉพาะเมื่อโอกาสอำนวย บางคู่แม้จะอยู่ด้วยกัน ก็จำต้องแยกกันเป็นระยะๆ ฝรั่งจำนวนมากที่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวมารักกับผู้หญิงไทย ต้องเดินทางออกนอกประเทศทุกสามเดือนหกเดือน นั่งรถบัสข้ามด่านไปมาเลเซีย พม่า ลาว หรือเขมร แล้วกลับเข้ามาใหม่ ปีแล้วปีเล่า

     ราคาของการแต่งงานกับชาวต่างชาติ!

     คู่รักชาวไทยกับต่างชาติหลายคู่ที่ยอมแพ้ต่อกติกาของเส้นสมมุตินี้ บางคู่ไม่อาจทนขั้นตอนกีดกันรักของกฎหมาย ค่าวีซ่าที่แพงเกินเหตุ และความลำบากอย่างนี้ ก็เลิกรากันไป

     ส่วนคู่รักเหนือเส้นสมมุติที่ยังเชื่อว่าเส้นรอบวงของหัวใจสำคัญกว่าเส้นสมมุติของการแบ่งประเทศ แต่สู้กับกติกาไม่ไหว ก็ต้องแยกกันอยู่ เดินทางข้ามประเทศไปมาระหว่างสองบ้านเท่าที่โอกาสอำนวยเท่านั้น ถ้าอยู่ไม่ไกลกันนักและพอมีเงิน ก็อาจบินไปหากันตอนเย็นวันศุกร์ กลับไปตอนคืนวันอาทิตย์

     ราคาของการต่อสู้เพื่อรักษาความรัก! 
     คำถามคือ มันคุ้มหรือไม่?


-- 1 --
สตีฟ - คาร์เมน

     ในปี ค.ศ. 1993 สตีฟ สมิธ หนุ่มชาวอังกฤษพบรักกับ คาร์เมน รีซ-เปเรซ หญิงสาวชาวฝรั่งเศสซึ่งไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ทั้งสองอายุราวยี่สิบเศษ และตกหลุมรักกัน

     สิ่งที่เรียกว่าชะตาชีวิตทำให้ปีต่อมาคาร์เมนกลับฝรั่งเศส ทั้งคู่ไม่ได้พบกันอีก

     หกปีต่อมา สตีฟเขียนจดหมายถึงคาร์เมน ถามเธอว่าเธอยังอยากสานต่อความสัมพันธ์กับเขาหรือไม่ แม่ของคาร์เมนวางจดหมายฉบับนั้นเหนือเตาผิง มันหล่นลงไปในซอกหลังเตาผิงและคาอยู่อย่างนั้นอีกสิบปี จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพวกเขาตกแต่งบ้านใหม่ ต้องรื้อเตาผิงนั้นออก จึงพบจดหมายฉบับนั้น

     ผ่านไปสิบหกปี คาร์เมนยังไม่แต่งงาน เธอยังไม่ลืมรักแรกนั้น สตีฟก็เช่นกัน

     สิบหกปีผ่านไปหลังจากพบรักครั้งแรก คู่รักทั้งสองในวัยสี่สิบกว่าหวนคืนสู่อ้อมอกกันอีกครั้ง

     ถ้าคิดว่าการรอคอยรักถึงสิบหกปียาวนานมาก ลองดูรายต่อไป!


-- 2 --
 บอริส - อันนา

     ย้อนหลังไปในปี ค.ศ. 1946 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง อันนา คอซลอฟ เข้าพิธีแต่งงานกับบอริส สามวันต่อมา เขาถูกส่งไปร่วมกองทัพแดง เธอไม่ได้พบหน้าสามีของเธออีกเลย

     ครอบครัวของอันนาถูกเนรเทศไปที่ไซบีเรีย เนื่องจากพ่อของเธอไม่เห็นด้วยกับนโยบายเกษตรกรรมของสตาลิน อันนาไม่อยากไป แต่ก็ไม่มีทางเลือก

     รู้ว่าไม่มีอะไรจะหวนกลับไปสู่จุดเดิมอีกแล้ว แม่ของอันนาเผาจดหมายของบอริสทั้งหมด รวมทั้งรูปถ่ายแต่งงานของทั้งสอง เพื่อให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอถูกบังคับให้แต่งงานใหม่

     เวลาผ่านไปหลายสิบปี หลังจากสามีคนใหม่ของเธอตายและสาธารณรัฐโซเวียตรัสเซียล่มสลาย อันนากลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านเดิม

     วันหนึ่งอันนาสวนทางกับชายสูงอายุคนหนึ่งที่กำลังลงจากรถคันหนึ่ง เธอจำได้ทันที ชายผู้นั้นก็คือบอริส

     ทั้งสองตื่นเต้นที่ได้พบกันอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ บอริสในวัยแปดสิบกว่าเล่าว่า เมื่อเขากลับบ้านหลังจากการรบ เขาไม่พบเธอ และไม่สามารถติดต่อเธอได้อีก เพราะไม่มีร่องรอยใด ๆ หลงเหลืออยู่พอที่จะทำให้เขาตามหาเธอได้ เขาไม่มีทางเลือกต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่

     เขาแต่งงานใหม่ จนกระทั่งภรรยาใหม่ของเขาเสียชีวิต เขากลับบ้านเดิมมาเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่ และพบภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันเพียงสามวัน

     หกสิบปีหลังจากการพลัดพรากจากกัน ทั้งสองก็ครองรักกันในที่สุด

     บางทีความรักที่แท้จริงมีสีสันกว่านิยาย!


-- 3 --
ฟิล - โจแอน

     ย้อนเวลากลับไปอีกในปี ค.ศ. 1940 สงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งเริ่มไม่นาน ชายหนุ่มชาวนิวซีแลนด์คนหนึ่งชื่อ ฟิล โอนีล อาสาไปรบ

     ก่อนเดินทางเขาซื้อแหวนวงหนึ่ง เขาอยากบอกรักคนที่เขารักและขอเธอแต่งงาน เธอชื่อ โจแอน ดีน ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เป็นนักเรียน

     แหวนวงนั้นไม่ได้สวมบนนิ้วนางของหญิงสาวที่รัก เพราะพ่อของเขาไม่อนุญาต เช่นกัน โจแอนก็ไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ของเธอให้พบเขา เพราะความเชื่อทางศาสนาไม่ตรงกัน เธอไม่อาจขัดใจพ่อแม่ได้

     ฟิลขว้างแหวนวงนั้นลงบนถนนเข้าบ้าน มันถูกรถทับจนบุบบี้ แม่ของฟิลเก็บแหวนวงนั้นแล้วมอบให้โจแอนหลังจากเขาเดินทางไปรบ เธอเก็บมันไว้กับตัวตลอดมา

     ฟิลถูกส่งไปรบกับพวกเยอรมันที่กรีซ ในการรบครั้งหนึ่งเขาถูกจับเป็นเชลย และกลายเป็นเชลยศึกจนกระทั่งสงครามสงบ

     หลังสงครามยุติ เขาเดินทางกลับบ้านเกิด แต่ไม่ได้พบเธออีกเลย ต่างคนต่างมีครอบครัวของตน หลังจากคู่ของทั้งสองตาย ทั้งสองจึงได้พบกันอีกครั้ง

     เวลาผ่านไปเจ็ดสิบปี เมื่อกำแพงขวางรักทลายลง ทั้งสองก็แต่งงานกัน


     กำแพงเบอร์ลินถือกำเนิดในต้นสงครามเย็น หลังจากประเทศเยอรมนีถูกแบ่งเป็นสองซีก ซีกหนึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อีกซีกหนึ่งปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ 

     กำแพงนี้เยอรมนีตะวันออกสร้างขึ้นในปี 1961 แบ่งกรุงเบอร์ลินออกเป็นสองซีกเช่นกัน มีหอคอย ขวาก รั้วลวดหนาม และปืน กีดกั้นชาวเยอรมันตะวันออกที่ต้องการออกไปสู่อีกฟากฝั่งเพื่อไปหาคนรัก มีความพยายามหนีข้ามทุกวิธในบรรดาหลายพันคนที่พยายามหนี ถูกฆ่าตายไปราวสองร้อยคน

     กำแพงเบอร์ลินขวางกั้นความรักของคนหลายคู่หลายครอบครัว จนกระทั่งปี 1990 มันก็ถูกทำลายลงพร้อมระบอบคอมมิวนิสต์ในรัสเซีย เกือบสามสิบปีให้หลัง คู่รักจำนวนมากสวมกอดกันอีกครั้ง

-- 4 --


     สงครามเกาหลีอุบัติขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1950-1953 ที่คาบสมุทรเกาหลี หลังการหั่นประเทศเกาหลีออกเป็นสองส่วนเช่นเดียวกับเยอรมนี แม้สงครามยุติ แต่สงครามเย็นยังคงดำเนินต่อไป การสื่อสารและการคมนาคมระหว่างเกาหลีเหนือกับใต้ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง เส้นสมมุติถูกเพิ่มทับด้วยรั้วลวดหนามและกระสุนปืน ครอบครัวและคนรักกันหลายหมื่นหลายแสนครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน 

     การเจรจากันระหว่างสองประเทศเริ่มเมื่อปี ค.ศ. 2000 ทำให้เริ่มเห็นแสงสว่างแห่งรักที่ปลายอุโมงค์ แต่หลายคู่ก็ยังไม่ได้เจอกัน ทั้งโดยกำแพงการเมืองและการรอคอยจนตายจากกัน

     สงครามโลกทั้งสองครั้ง, สงครามเวียดนาม, สงครามอิรัก, สงครามโคโซโว, สงครามอัฟกานิสถาน ฯลฯ ก็ทำให้คู่รักจำนวนหลายล้านคู่แยกจากกัน ตั้งแต่เหล่าทหารที่ปฏิบัติภารกิจสงคราม ไปจนถึงชาวบ้านที่ถูกพิษสงครามทำร้าย ครอบครัวแตกสลาย คนรักถูกแยกจากกัน ผู้ที่โชคดีได้กลับสู่อ้อมอกกันและกัน ผู้ไร้โชคก็จากกันตลอดกาลอย่างขมขื่น

     สงครามมีมากครั้งเหลือเกิน และกฎเกณฑ์มีมากเช่นกัน ดูเหมือนกำแพงขวางรักไม่มีวันสิ้นสุด แม้ในโลกเสรีนิยม ก็ยังมีอุปสรรคใหม่ ๆ ที่ขัดขวางความรัก ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจ ประเพณี ค่านิยม ความเชื่อ ไปจนถึงศาสนา

เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่

      ความรักของคู่รักในชีวิตจริงเหล่านี้เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อกำแพงที่ขวางความรัก สงครามและเส้นสมมุติของประเทศเป็นกำแพงชนิดหนึ่ง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ในโลก กำแพงที่ฝ่าข้ามยากกว่าคือการมองไม่เห็นคุณค่าของความรัก

      คนที่ผ่านความยุ่งยากวุ่นวายจากอุปสรรคของความรักเหล่านี้ได้ มักจะเข้าใจคุณค่าของความรัก เพราะมันได้มายาก

      เป็นเรื่องแปลกแต่จริง อะไรก็ตามไม่ว่ามีค่าสูงเพียงไร หากได้มาง่าย ๆ ก็มักดูมีค่าน้อยกว่า รวมทั้งความรัก

      หลายคู่พบรักกันง่าย ๆ เจอหน้ากันเดือนสองเดือนก็แต่งงานกัน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วย ทุกอย่างลื่นไหลสะดวก เมื่อทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อย ก็อาจเลิกได้ง่ายกว่าคู่ที่ผ่านอุปสรรคขวากหนามแห่งรัก เพราะไม่รู้สึกว่าความรักของตนมีค่าควรแก่การดูแลรักษาจนถึงที่สุด

      ความรักเกิดขึ้นได้ง่าย แต่รักษายาก ความรักก็เหมือนเครื่องยนต์ ต้องปรับจูนหยอดน้ำมันเครื่องอยู่เสมอ การรักษาความรักให้ดำรงอยู่มีราคาของมัน บางครั้งแพงมาก บางครั้งราคาคือความอดทน

      บางทีก่อนจะเลิกรากับใคร มองให้ถ้วนถี่ทุกด้านทุกมุมก่อน 

      หากเหตุผลที่อยากเลิกคือ เพราะไม่มีความสุขลองถามตัวเองก่อนว่าไม่มีความสุขเพราะคู่ของเรา หรือเพราะตัวเราเอง?

      ถ้ายังตอบไม่ได้ ถึงแต่งงานกับใครอีกยี่สิบครั้ง ก็อาจต้องเลิกทุกครั้ง เพราะมักโทษอีกฝ่ายหนึ่งเสมอว่าทำให้ตนเองไม่มีความสุข

      ความรักและการใช้ชีวิตคู่ไม่มีสูตรตายตัว เพราะปัจจัยและตัวแปรของแต่ละคู่แตกต่างกัน บางคู่อยู่แบบเรียบง่าย บางคู่อยู่แบบซับซ้อน

      การประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ต้องใช้คนสองคน ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะทำเช่นนี้ได้ ทั้งสองต้องเห็นคุณค่าของความรักนั้นก่อนว่า คุ้มที่จะสละแรงกายแรงใจรักษามันหรือไม่ ยินยอมรอคอยหรือไม่

      บางทีการเห็นตัวอย่างของคู่รักที่รักษารักอย่างยากลำบากแสนเข็ญแล้ว อาจทำให้เราคิดได้ว่า อุปสรรคความรักของเราช่างจิ๊บจ๊อยเหลือเกิน และการยังมีคนรักอยู่เคียงข้าง (แม้จะแก่ หย่อนยาน และขี้บ่น) เป็นความโชคดีเพียงไร

Cr. วินทร์ เลียววาริณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น