ย้อนหลังไป เมื่อสมัยยางพารา ยังเป็นของแปลกใหม่อยู่นั้น นักประดิษฐ์ชื่อ ชาร์ล กู้ดเยียร์ สังเกตเห็นตู้หน้ากระจกหน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ขายห่วงยางชูชีพ
ชาร์ลตอนนั้นอายุ 34 ปีจึงซื้อมาอันหนึ่ง โดยเห็นว่า เป็นสิ่งน่าสนใจ
พอกลับถึงบ้าน เขาแกะหัวจุ๊บสำหรับอากาศเข้า ออกมาพินิจพิจารณาและสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งมีคุณภาพดีกว่าเดิม
เขากลับไปยังเมืองอีกครั้ง เอาหัวจุ๊บที่ประดิษฐ์มาด้วยและตรงไปยังร้านเดิม ให้ผู้จัดการดูว่า มันเป็นอย่างไร
"ดีกว่าแน่นอน แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย" อาเธอร์ โลเวนสเติร์นพูดขึ้น "เชิญมาดูที่หลังร้านสิ"
บนพื้นห้องเก็บของ มียางสีเทา เหนียวเหนอะหนะเยิ้มไปทั่ว อันเนื่องมาจากการแปรสภาพของยางชูชีพ ซึ่งละลาย เมื่อโดนอากาศร้อนเข้า ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล ชวนคลื่นเหียนด้วย
"การปรับปรุงหัวจุ๊บให้ดีขึ้น แสดงว่า คุณเป็นคนฉลาด ดังนั้นจงใช้สมองปราดเปรื่องของคุณ คิดหาวิธีไม่ให้ยางสลายตัว เมื่อโดนอากาศร้อนจะดีกว่า และถ้าคุณทำสำเร็จแล้วล่ะก็ บริษัท ร็อกซเบอรี่ ยินดีจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้คุณทีเดียว"
นักประดิษฐ์ผอมสูง มองโลเวนสเติร์น อย่างกระตือรือร้น ยื่นมือผอมแห้งให้พร้อมกับพูดว่า
"เมื่อมีสิ่งตอบแทนคุ้มค่า ก็น่าลองค้นคว้าดูครับ"
ขณะอำลานั้น โลเวนสเติร์น แนะนำกู้ดเยียร์ ด้วยคำพูดที่ทรงไว้ด้วยคุณค่าอย่างยิ่งยวด นั่นคือ
"อย่าเสียเวลาของคุณ กับสิ่งเล็กๆน้อยๆเลย จงตั้งมั่นอยู่กับสิ่งใหญ่ๆดีกว่า"
ใช่แล้ว นักประดิษฐ์ผู้มานะพากเพียรคนนี้ เสียเวลากับสิ่งเล็กๆน้อยๆมาไม่น้อย
คำพูดก่อนจากกันของผู้จัดการร้านชำ ฉุดกระชากให้เขาพ้นจากเส้นทางเตี้ยวคด และตลอด 10 ปีต่อมา เขามุ่งมั่นแน่วแน่ อยู่กับสิ่งยิ่งใหญ่ นั่นคือ ทำยางพาราให้แข็งแกร่งทนทานต่อความร้อน
เขาทุ่มสติปัญญา อยู่กับจุดมุ่งหมาย อย่างต่อเนื่องไม่ลดละ
เขาสละแทบทุกสิ่ง เพื่อการนี้ ไม่ว่าจะต้องขายเครื่องเรือน จำนำนาฬิกาพกทองคำซึ่งพ่อมอบให้ และทำงานทดลองค้นคว้าในครัวและในห้องนั่งเล่น
ขณะเดียวกัน หนี้สินก็เพิ่มพูนขึ้นทุกที แม้ใบหน้าซูบซีดของเขา จะอ่อนระโหย และมีร่องรอยแห่งความท้อถอยอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ยอมเสียเวลากับสิ่งอื่นๆ
ในที่สุด เขาก็ค้นพบวิธีทำให้ยางพาราเหนียวและแข็งแรงในอีก 10 ปีต่อมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น