หากต้องการประสบความสำเร็จ
นี่คือประโยคซึ่งบรรดามหาเศรษฐีพูดอยู่เสมอเมื่อมีคนถามว่า "ต้องทำอย่างไร ผมจึงประสบความสำเร็จเช่นคุณ"
มหาเศรษฐีที่มีความสุขไม่ได้ปฏิบัติตัวแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จหลังจากที่บรรลุเป้าหมายหรือประสบความสำเร็จแล้ว แต่พวกเขาปฏิบัติตัวแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่แรกแล้ว วิธีนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการสะกดจิตตัวเองนั่นเอง
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น อาจกล่าวได้ว่า มหาเศรษฐีเหล่านั้นมี 4 วิสัยดังต่อไปนี้
1. วิสัยด้านการเงิน
2. วิสัยด้านเวลา
3. วิสัยด้านสุขภาพ
และ 4. วิสัยด้านการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและการเอาใจใส่ดูแลครอบครัว
เพราะการจะเป็นมหาเศรษฐีที่มีความสุขได้ต้องเป็นอิสระจากเงิน เวลา สุขภาพ และ สังคม
ในโลกนี้มีผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตที่เรียกว่า มหาเศรษฐี อยู่ประมาณ 10 เปอร์เซนต์ ซึ่ง 7 เปอร์เซนต์ในนั้นเป็นพวกที่มีเงินแต่ไม่มีเวลา ขาดเพื่อนแท้ ร่างกายก็เจ็บป่วย แต่ที่เหลือ 3 เปอร์เซนต์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในโลกนี้ยังมีเหล่ามหาเศรษฐีผู้มีรายได้จำนวนมหาศาลในขณะที่ยังใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมสุข รายล้อมไปด้วยบุคคลอันเป็นที่รักที่ไว้วางใจด้วย
คนที่มีความทุกข์ทั้งที่รวยแล้วส่วนใหญ่มีสาเหตมาจากการไม่ได้สร้างสมดุลอิสระภาพทั้งสี่ คือ เงิน เวลา สุขภาพ และสังคม หรือพูดอีกนัยหนึ่ง กล่าวคือ การไม่ใส่ใจหรือยึดติดอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
นิสัยที่มักพบเห็นบ่อยได้ทั่วไปของคนเรา คือ การให้ความสำคัญกับอิสรภาพทางการเงินมากเกินไป จนทำให้บกพร่องต่อสังคมถึงขีดสุด ซึ่งเรื่องทำนองนี้มักพบเห็นได้มากในกลุ่มประธานบริษัทที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว
ยกตัวอย่างเช่น คนที่ก่อตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมาและบริหารงานจนนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ คนกลุ่มนี้เมื่อมีรายได้หลายร้อยล้านก็มักจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ ซื้อรถยนต์คันหรู และใช้เงินมือเติบ มิหนำซ้ำยังเข้าใจผิดคิดว่าที่ประสบความสำเร็จได้นั้นเป็นเพราะตัวเองมีพรสวรรค์ มีความสามารถมากมาย จนลืมที่จะรู้สึกขอบคุณบุคคลรอบตัว
เมื่อเป็นเช่นนั้น พนักงานก็จะเริ่มเทใจไปทางอื่น คนเก่งก็ทยอยลาออกจากบริษัท ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่เดือดดาลว่า "ทำไมลูกน้องถึงไม่ทำตามที่ฉันคิด คนที่รับนโยบายไม่ได้ ฉันก็ไม่อยากเอาไว้" โดยไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจของตัวเองแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับคู่ครองที่เคยราบรื่นก็อาจค่อยๆทลายลง เพราะหมดความเคารพซึ่งกันและกัน ความล่มสลายเช่นนี้มักเกิดขึ้นในพริบตาเดียวและทำให้ทั้งบริษัทและชีวิตครอบครัวพังครืนลงอย่างไม่เป็นท่าได้ในเวลาเพียง 2-3 ปี อย่างที่จะเกือบได้เกิดขึ้นต่อนางเอกในเรื่องภาพยนตร์ Intern
ส่วนประธานบริษัทบางคนก็บอกว่า "เป็นเพราะเขามุ่งมั่นตั้งใจทำงานโดยไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ทำให้พนักงานเห็นในความพยายามและไม่ทอดทิ้งกัน กิจการของบริษัทจึงเจริญก้าวหน้าไปด้วยดี" ซึ่งสำหรับคนที่พูดแบบนี้ ส่วนมากโรคภัยไข้เจ็บและปัญหามักจะเกิดกับครอบครัวและคนใกล้ชิดมากกว่าเกิดกับตัวเอง
และถึงแม้ว่าตอนนี้คุณยังอยู่ในกลุ่มคน 97 เปอรเซนต์หรือยังไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีก็ตาม แต่ด้วยแนวคิดวิสัยทั้งสี่ของมหาเศรษฐี คุณสามารถเรียนรู้ได้เพราะวิสัยเหล่านี้สามารถทำให้คุณมีความสุขกับปัจจุบันได้เช่นกันทั้งๆที่คุณยังไม่มีเงินมากถึงขั้นมหาเศรษฐี
Cr. เรียบเรียงมาจากหนังสือชื่อ "ความลับเศรษฐี คนแบบนี้แหละดึงดูดเงิน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น