ชายชราคนหนึ่งเดินเข้าไปในแผนกสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก เขาอยู่ในชุดสูทหรู ผูกเนคไท ติดหนีบทองคำ และใส่รองเท้ายี่ห้อดัง
"อยากจะกู้เงิน 1 ดอลล่าร์"
"อะไร 1 ดอลล่าร์?"
"ถูกต้อง ได้หรือไม่?"
"ย่อมได้ขอเพียงมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะกู้มากแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา"
ชายชราเปิดกระเป๋าหรู หยิบเอาใบหุ้น พันธบัตร ออกมาปึกหนึ่งวางไว้บนโต๊ะผู้จัดการ
"รวมแล้วมูลค่ากว่า 500,000 ดอลล่าร์ พอไหม?"
"แน่นอน! แน่นอน! แต่ท่านจะกู้เงินแค่ 1 ดอลล่าร์จริงๆล่ะหรือ?"
"ใช่แล้ว 1 ดอลล่าร์"
"ถ้างั้นคิดดอกเบี้ย 6% ต่อปี ขอเพียงคุณจ่ายเงินกู้และดอกเบี้ยตามกำหนดเวลา เมื่อครบกำหนดสัญญา ทางเราก็จะคืนหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมดให้คุณ"
ชายชราเซ็นเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว รับเงิน 1 ดอลล่าร์เสร็จ ก็เดินออกจากธนาคาร
ผู้จัดการสาขาธนาคารแห่งนั้นนั่งดูข้างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่า คนมีหลักทรัพย์ค้ำประกันกว่า 500,000 ดอลล่าร์ มากู้เงิน 1 ดอลล่าร์กับธนาคารทำไม? จึงตามชายชราออกไป เพื่อถามให้ผู้รู้
ชายชรายิ้มตอบว่า "ก่อนมาที่ธนาคารสาขาของท่าน ฉันถามราคาค่าเช่าตู้เซฟนิรภัยที่ธนาคารอื่นๆหลายแห่งแล้ว ซึ่งล้วนแต่แพงมาก ฉันเลยตัดสินใจฝากใบหุ้นและพันธบัตรเหล่านี้ไว้ที่สาขาของท่าน เพราะค่าเช่าถูกมาก ปีละ 6 เซนต์เท่านั้นเอง..."
เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่?
โดยทั่วไปนั้น ทุกคนที่คิดตามเหตุผลปกติ ล้วนจะทำแบบเดียวกัน และถูกจำกัดด้วยปัญหาเดียวกัน ในเมื่อเป้าหมายคือฝากไว้ และต้องประหยัดเงินด้วย ก็มีแต่ต้องเที่ยวถามธนาคารแต่ละแห่ง เพื่อเปรียบเทียบค่าเช่าดู ซึ่งล้วนมีข้อวิตกเดียวกัน คือ ตู้เซฟนิรภัยเล็กใหญ่ ค่าเช่าย่อมถูกและแพงตาม
มีแต่ชายชราคนนี้ก้าวข้าม "เหตุผลปกติ" คิดแบบย้อนศร ใช้วิธีการไม่ปกติ" บรรลุ "เป้าหมายปกติ" อีกทั้งสามารถลดค่าเช่าลงจนแทบเหลือศูนย์
ในชีวิตประจำวันนั้น เรื่องราวจำนวนมากก็ทำนองเดียวกัน ยามยากลำบาก ชีวิตไม่ราบรื่น ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู อาจพบฟ้าใหม่ก็ได้
Cr. จงเป็นนายแห่งตน
หมายเหตุ
ในความเป็นจริง ปัจจุบันแต่ละธนาคารที่ให้บริการดังกล่าว จะกำหนดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในเรื่องบริการทางเงิน ในที่นี้ คือ ค่าสำรวจและประเมินหลักประกันที่วางไว้ ซึ่งมีราคาค่าธรรมเนียมสูงกว่า เมื่อเทียบกับ ค่าธรรมเนียมค่าเช่าตู้เซฟนิรภัยที่มีขนาดเล็กที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น