วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: นกกระจอกกับเสรีภาพ


     เชื่อว่าคุณคงเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาบ้าง รู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุดในโลกนี้ ชีวิตทั้งชีวิตเป็นคล้ายคำพูดไร้สาระ ที่หาความหมายอะไรไม่ได้เลย

     ทุกครั้งที่มีเรื่องไม่สบายใจ ตกอยู่ในความหดหู่หงอยเหงาเศร้าซึม ผู้ใหญ่จะแนะนำฉันว่า "ไปเดินเล่นที่โรงพยาบาล พอเห็นคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง แล้วเธอก็จะรู้ว่า ตัวเองโชคดีแค่ไหน"

     ในเวลาที่คุณไม่เหลืออะไรเลย แต่ยังมีเสรีภาพในการเคลื่อนไหว และมีอิสระทางความคิดอยู่ คุณก็ควรขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์ที่ให้เรามีชีวิตอยู่ มีสุขภาพแข็งแรง ช่างดีเหลือเกิน!

---

     ตอนเหมยลี่ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เธอประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียขาทั้งสองข้างไป เหมยลี่เสียขาทั้งสองไปในช่วงวัยที่กำลังซุกซนไร้เดียงสา เธอไม่อาจวิ่ง ไม่อาจกระโดดโลดเต้นได้เหมือนเด็กวัยเดียวกัน ทั้งยังต้องเห็นแม่นั่งร้องไห้อยู่ข้างกายเธอทั้งวัน

     ทว่า เหมยลี่เป็นเด็กเข้มแข็ง ทุกครั้งที่เธอเห็นแม่ร้องไห้ด้วยความสงสารเธอ เธอกลับเป็นฝ่ายปลอบแม่อย่างอ่อนโยน

     เวลาผ่านไปหลายปี เหมยลี่เติบโตขึ้น และแพทย์ก็ทำขาเทียมให้เธอ เธอค่อยๆ ฝึกเดินจนเดินได้

     วันหนึ่ง เธอพบเด็กคนหนึ่งที่มุมถนนตรงหัวโค้ง ในมือของเด็กคนนั้นถือกรงเล็กๆ ภายในมีนกกระจอกเบียดเสียดกันอยู่หลายตัว กำลังส่งเสียงร้องจิ๊บๆ

     เหมยลี่มองดูนกกระจอกในกรง แล้วเอ่ยถามเด็กคนนั้นว่า "ขอถามสักคำหน่อยเถิด เธอเป็นคนเลี้ยงนกกระจอกพวกนี้ไว้หรือ"

     เด็กคนนั้นหัวเราะเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ ชี้มือไปทางสวนสาธารณะที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล แล้วบอกว่า "ผมจับมาจากในนั้น เก่งมากใช่ไหมล่ะ"

     "แล้วเธอคิดจะเอานกกระจอกพวกนี้ไปทำอะไร"

     เด็กชายนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า "ผมจะเอาไปขาย แล้วเอาเงินไปซื้อของเล่น"

     ได้ยินดังนั้นเหมยลี่จึงถามว่า "ถ้าอย่างนั้นขายให้ฉันได้ไหม"

     เด็กชายมีท่าทีประหลาดใจ เขามองเหมยลี่แล้วพยักหน้า

     "ทั้งหมดนี้เป็นเงินเท่าไหร่"

     เด็กชายคิดแล้วบอกว่า "ตัวละยี่สิบเหรียญ ทั้งหมดมีอยู่ห้าตัว เป็นเงินหนึ่งร้อยเหรียญ"

     เหมยลี่ยื่นเงินให้เด็กชายแล้วรับกรงนกมา นกกระจอกเหล่านั้นพากันกระพือปีกพึ่บพั่บ คล้ายพยายามจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากกรงอันแข็งแรง เธอจึงพูดกับนกกระจอกว่า "อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้เป็นอิสระแล้ว"

     พูดจบเธอก็มองหาประตูกรงแล้วเปิดออก แล้วนกกระจอกก็ชิงกันโผบินออกไป

     เด็กชายซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ถามด้วยความแปลกใจอย่างยิ่ง "คุณเสียเงินซื้อนกแล้วปล่อยไปทำไมล่ะ"

     เหมยลี่ส่งยิ้มให้เด็กชาย จากนั้นก็ก้าวกะโผลกกะเผลกเดินจากไป

     เด็กชายยืนอยู่ที่เดิม มองตามหลังเหมยลี่ที่เดินโอนไปเอนมา แล้วก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่จับนกอีกเลย


เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่?

     "สิ่งที่เรียกว่าโลก ก็คือที่ที่หัวใจพาเราก้าวไปนั่นเอง"

     คนที่รู้จักคุณค่าของอิสรภาพ คือ คนที่มีความสุขที่สุด เมื่อคุณทุ่มเทความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยคืนอิสรภาพให้แก่ผู้อื่น คุณเองก็ย่อมมีความสุขไปด้วย

Cr. สุขได้ถ้าวางเป็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น