วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: ท้องฟ้าไม่ได้ปิดทุกวัน


     สำหรับนักแสดงที่มีชื่อเสียง การร่วงจากสถานะดาราเป็นมากกว่าการตกงาน มันเป็นความสูญเสียสองเด้ง เป็น ‘นกปีกหัก’ ปีกหนึ่งคืองาน อีกปีกหนึ่งคือชื่อเสียง แต่สำหรับบางคน การสูญเสียความนิยมทำใจได้ยากกว่าการตกงานเสียอีก ดาราหลายคนจึงพยายามรักษาชื่อเสียงไว้ทุกวิถีทาง แม้ในด้านลบ

     ชีวิตก็เหมือนภาพยนตร์ เป็นเพียงมายาซึ่งเมื่อยึดติดเมื่อไร ก็ทุกข์เมื่อนั้น


-1-

     ตี้หลง นักแสดงภาพยนตร์ชาวฮ่องกงเคยเล่าว่า ช่วงหนึ่งนักแสดงรุ่นน้องคนหนึ่งตกต่ำในอาชีพถึงขีดสุดจนรู้สึกหดหู่หมดหวัง ตี้หลงบอกนักแสดงรุ่นน้องคนนั้นว่า “ทุกคนมีท้องฟ้าเหนือหัว อย่ายอมแพ้ ทำงานให้หนักเข้าไว้ ด้วยความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของคุณ คุณจะประสบความสำเร็จแน่”

     นักแสดงรุ่นน้องก็ทำงานหนักต่อไป และต่อมาก็กลายเป็นดาวค้างฟ้า 
     นักแสดงที่ท้อแท้คนนั้นคือ "เฉินหลง"

     ตี้หลงเป็นดาราหนังดังในช่วงปี 1960-1970 โดยเล่นหนังคู่กับ เดวิด เจียง แทบทุกเรื่องมีคำว่า ‘ไอ้หนุ่ม’ ในชื่อไทย เช่น ดาบไอ้หนุ่ม, แค้นไอ้หนุ่ม, ฤทธิ์ไอ้หนุ่ม ฯลฯ งานแทบทั้งหมดเป็นหนังบู๊ของผู้กำกับ จาง เชอะ

     เมื่อมาบินเดี่ยวเล่นหนังกำลังภายในของ ฉู่เอี๋ยน เขาก็โด่งดังไปทั่วยุทธจักรมายา แทบทุกเรื่องมีคำว่า ‘ศึก’ เช่น ศึกชิงเจ้ายุทธจักร, ศึกวังน้ำทิพย์, ศึกล้างเจ้ายุทธจักร, ศึกเสือหยกขาว, ศึกยุทธจักรหงส์บิน, ศึกเพชฌฆาตสะดึงแดง, ศึกวังค้างคาว ฯลฯ ทั้งหมดสร้างจากงานนวนิยายของโก้วเล้ง

     แต่ดาวรุ่งก็มีวันเป็นดาวร่วง ความนิยมของตี้หลงเริ่มตกลงมาตามสัจธรรมของวงการบันเทิง และเช่นกัน เมื่อมีลงก็มีขึ้น วันดีคืนดี ในช่วง 1980 เมื่อ จอห์น วู จับเขาเล่นหนังคู่กับ โจวเหวินฟะ ในเรื่อง A Better Tomorrow นกปีกหักตี้หลงก็คืนชีพอีกครั้ง

     เป็นนกฟีนิกซ์ที่ฟื้นจากความตาย


-2-

     จอห์น ทราโวลตา นักแสดงภาพยนตร์ชาวอเมริกัน โด่งดังตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อยจากหนังเรื่อง Saturday Night Fever, Grease ฯลฯ พออายุขึ้นเลขสาม หลังจากรับบทไม่ดีและหนังไม่ทำเงินต่อเนื่อง ความนิยมในตัวเขาก็ดิ่งวูบลงมา ในช่วง 1980 ทราโวลตาตกต่ำถึงขีดสุด เหมือนน่าจะเปลี่ยนอาชีพแล้ว

     แต่เขาเลือกเปลี่ยนนโยบายการทำงาน ไม่เลือกเป็นพระเอกอย่างเดียว ยอมรับบทเล็ก ๆ ที่ดี ประคับประคองมาหลายเรื่อง จนมาถึงบทมือปืนในหนังประหลาดของ เควนติน ทาแรนติโน เรื่อง Pulp Fiction เขาก็กลับมาโด่งดังอย่างแรงอีกครั้ง คราวนี้มั่นคงกว่าเก่า


-3-

     มิกกี โร้ค เป็นนักแสดงอเมริกันอีกคนหนึ่งที่โด่งดังมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมายาในช่วง 1970 โร้คเคยเป็นนักมวยอาชีพมาก่อน แต่มีท่าจะรุ่งในวงการมายา หลังจากเล่นหนังเรื่อง 9 1/2 Weeks เขาก็กลายเป็น เซ็กส์ ซิมโบล คนใหม่ของวงการ แต่สัจธรรมของวงการมายาไม่เคยเปลี่ยน หลังจากรับบทไม่ดีหลายเรื่องและเขาเป็นคนที่ใคร ๆ ทำงานด้วยยาก ความนิยมในตัวเขาก็ตกลงมาเรื่อย ๆ ต้องหันกลับไปชกมวย จนคนลืมไปแล้วว่ามีนักแสดงคนนี้อยู่ในโลก

     ผลจากการชกมวยทำให้ใบหน้าของเขาเสียโฉมจนต้องเข้ารับการผ่าตัด สำหรับดาราหนังที่มีหน้าตาดีมาก จัดว่าเป็นคนเสียโฉมไปแล้ว เขาตัดสินใจยุติชีวิตนักมวย แต่แทนที่จะทำงานอย่างอื่น เขากลับทำสิ่งที่ไม่มีใครสนับสนุนคือหวนกลับสู่วงการมายา หลายคนสบประมาทเขาว่าไปไม่รอด แต่เขายังคงมุ่งมั่นที่จะกลับมา แน่ละคราวนี้ไม่ได้เป็นพระเอกนำ รับบทรองหลายเรื่อง

     แต่ฟ้าก็เปิดในที่สุด ในปี 2005 โร้คกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในภาพยนตร์ของ รอเบิร์ต โรดริเกซ งานดัดแปลงนิยายภาพของ แฟรงก์ มิลเลอร์ เรื่อง Sin City เขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมหลายรางวัล ไม่กี่ปีต่อมา เขาก็กลับมาเป็นพระเอกเต็มตัวอีกครั้งใน The Wrestler โดยรับบทนักมวยปล้ำที่ไม่มีสภาพของ เซ็กส์ ซิมโบล หลงเหลืออยู่ อาศัยฝีมือล้วน ๆ กวาดรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมหลายรางวัล

     เขาได้กลับคืนสังเวียนอีกครั้ง


-4-

     ในบรรดานักแสดงภาพยนตร์ที่ล้มดังที่สุดและกลับมาแรงที่สุดน่าจะคือ รอเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

     รอยด่างของเขาคือยาเสพติดและการดื่มเหล้ามากจนเสียผู้เสียคน ในช่วง 1990 เขาต้องเข้าคุกเพราะยาเสพติดและพฤติกรรมก้าวร้าว จนในที่สุดก็ถูกผู้สร้างหนังไล่ออกจากงาน ไม่มีใครยื่นบทหนังให้เขาอีกเลย แม้แต่บทรองในหนังโทรทัศน์ เขากลายเป็น ‘bad boy’ แห่งฮอลลีวูดที่ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย

     ช่วงที่เขาติดยา ดาวนีย์บอกศาลในปี 1999 ว่า “มันเหมือนผมอมปืนไว้ นิ้วมือแตะไก และผมชอบรสของกระบอกปืน!”

     ขณะที่ใคร ๆ ก็ฟันธงว่าอนาคตของเขาหมดสิ้นแล้วแน่นอน เขาก็ได้สำนึกและปรับปรุงตนเองใหม่ สู้กับใจตัวเองในการเลิกยาและเหล้า สิบปีต่อมาก็กลับสู่วงการมายา กลายเป็นนักแสดงเกรด A ไปอย่างไม่มีใครคาดถึง คนที่ล้มดังที่สุดสามารถกลับมาแรงที่สุด

     เขาบอกว่า “ผมพบทางออกจากป่าทึบโดยตามรอยเศษขนมปังไปเรื่อย ๆ”
     เขาเป็น ‘Iron Man’ ตัวจริง!


เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่

     เส้นกราฟการขึ้นลงของชีวิตเป็นธรรมชาติที่เกิดกับทุกคนเสมอภาคกัน ใคร ๆ ก็มีจุดตกต่ำไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะตกลงมาต่ำกว่าเส้นมาตรฐานชีวิตของตนเอง (เรียกว่า low point) หรือตกลงจนถึงก้นเหว (เรียกว่า rock bottom)

     บ่อยครั้งการตกเหวไม่ใช่สิ่งที่ใครคนหนึ่งสร้างขึ้น หรือเพราะนิสัยไม่ดีของเขา แต่มาจากผลกระทบภายนอก เช่น เศรษฐกิจล่ม บริษัทเจ๊งจำต้องปลดคนออก เป็นต้น

     คนที่ยอมรับสัจธรรมของการตกต่ำได้ก็ฟื้นตัวได้เร็ว บางคนจบปริญญาสูง แต่กล้าขับรถแท็กซี่หาเลี้ยงครอบครัว และค่อย ๆ หาทางลุกขึ้นมาใหม่ บางคนก็จมไม่ลง

     ไม่ว่าจะปีกหักข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง หากยังสู้ ก็มีโอกาสที่จะเป็นนกฟีนิกซ์ ฟื้นจากความตาย

      ผ่านไปสี่สิบปีในวงการภาพยนตร์ ผ่านเส้นกราฟชีวิตสูงสุดและต่ำสุด ตี้หลงเข้าใจสัจธรรมของชื่อเสียงอย่างดี เขาสอนคนในวงการมายาว่า “ในวงการนี้ เธอชิมรสขมก่อน เธออาจต้องทำงานสักพักใหญ่ก่อนเห็นผล”

      ฟ้าอาจมืดเป็นช่วง ๆ อาจหมองหม่นเพราะเมฆดำปกคลุม แต่ที่แน่ ๆ คือท้องฟ้าไม่ปิดทุกวัน ฟ้ามิได้มีเมฆดำทุกวัน ฝนก็ไม่ตกทุกวัน เพราะเมื่อชีวิตตกต่ำถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่มีทางต่ำกว่านั้น มีแต่ขึ้นอย่างเดียว

Cr. รูปและบทความจาก ท้องฟ้าไม่ปิดทุกวัน -- วินทร์ เลียววาริณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น