วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: พลูโตที่รัก


     ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือ Twelve Places ที่คุณแป้งโกะเป็นคนเขียน เนื่องในโอกาสครบ 12 ปีของสำนักพิมพ์ "a book" ซึ่งหนึ่งในสิบสองเรื่องดังกล่าวที่ต้องมาขอแชร์ลงบล็อกวันนี้ คือ "พลูโตที่รัก"

     สืบเนื่องคุณ MightyMojo (ชื่อ user ที่เล่นในเว็บบอร์ด Pantip) ได้กระทู้หัวข้อว่า "เคยมีดาวพลูโตของตัวเองกันหรือเปล่า" เมื่อช่วงเกือบเดือนที่แล้ว (ความหมายต้นฉบับของคำว่า "พลูโตที่รัก" จริงๆน่าจะมาจากเนื้อเพลงเพลงที่ชื่อว่า "พลูโตที่รัก" ของวง Slot Machine)

     ผมยอมรับว่าตอนแรกที่ได้เห็นในสื่อ Social Media ผมก็ยังไม่ได้คลิกเข้าไปอ่าน เช่นเดียวกับคุณแป้งโกะ แต่สิ่งที่ผมเกิดสนใจขึ้นมา นั่นคือ ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่เล็กๆที่เกี่ยวข้องกับมุมมองการใช้ชีวิตที่คุณควรรู้และไม่ควรมองข้าม !?

     งั้นลองมาอ่านเรื่องนี้กันเลย (Cr: http://pantip.com/topic/33802951)

---

เร็วๆนี้ผมเพิ่งทราบการเดินทางของยานสำรวจดาวพลูโต
ยานนิวฮอไรซัน กำลังจะเดินทางไปถึง และใช้ระยะเวลาการเดินทางนานเก้าปี

ผมเองลืมไปเลยด้วยซ้ำ ว่าดาวพลูโตเคยอยู่ในระบบสุริยะ
หรืออันที่จริง ผมอาจจะลืมไปเลยด้วยซ้ำ ว่าเคยมีดาวพลูโตอยู่ในจักรวาลด้วย
ก็เลยเผลอคิดไปว่า ระหว่างแปดเก้าปีที่มันถูกตัดออกจากระบบสุริยะ มันเกิดอะไรขึ้นกับดาวดวงนี้บ้าง
และมันยังสบายดีอยู่ไหม

ซึ่งเอาจริงๆมันก็คงยังโคจรของมันอยู่เหมือนเดิมแหละมั่ง
คงเป็นผมเองต่างหาก ที่ไปคิดอะไรแทนมัน

เรื่องของผมคงคล้ายๆกัน
ย้อนไปตั้งแต่ผมประถมเลย ราวๆสิบสามปีที่แล้วครับ (ตอนนี้ผม 25 แล้ว)

ตอนนั้นผมจำได้ว่าซื้อเกมบอยคัลเลอร์เครื่องแรก 
เกมแรกที่ซื้อคือพอคเกตมอนสเตอร์ คิน (โปเกม่อน โกลด์ ภาษาญี่ปุ่นนั่นแหละ)
ก็เป็นเกมจับโปเกม่อน เลี้ยงไปเรื่อยอะไรแบบนั้นครับ หากใครไม่ทราบ

ผมก็เล่นอย่างเอาจริงเอาจัง เด็กผู้ชายวัยเดียวกับผมคงเคยผ่านจุดนี้มาบ้าง
จนเป็นเซียนคนนึงในชั้นครับ เกมนี้ข้อดีก็คือได้เล่นแข่งกับเพื่อนได้ด้วยสายลิงค์
(หน้าตาคล้ายๆสายแลน) จนได้รุ้จักเพื่อนข้างๆห้องคนนึง ซึ่งก็เก่งไม่แพ้กัน
ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ กลับไปบ้านต้องไปขุนจนเก่ง เพื่ออีกสองสามวันจะนัดสู้กันใหม่
ตอนนั้นหมดถ่านไปเป็นแพ็คๆเลยครับ

ผมสนิทกับมันขนาดว่าเสาร์อาทิตย์ต้องรบกวนแม่พาไปส่งบ้านเพื่อนคนนี้วันเสาร์อาทิตย์
ระหว่างนั้นผมก็ถูกมองด้วยสายตาคู่นึงครับ น้องสาวของเพื่อนสนิทคนนั้น (ผมสมมติว่าชื่อทรายแล้วกัน)

เด็กผู้หญิงอายุ10ขวบ แอบดูเด็กชายสองคนเล่นเกมบอยกัน หัวเราะ ด่าทอ สนุกกันตามประสา
พูดกันด้วยภาษาเกม ที่เด็กหญิงไม่มีทางเข้าใจ 
ทรายก็แอบมาหลบหลังโซฟาทุกครั้งที่ผมไปบ้านเพื่อนคนนี้ 

สองสามอาทิตย์ถัดมา ผมพบว่าเธอซื้อเกมบอยคัลเลอร์
กับเกมพอคเกต มอนสเตอร์ คิน เหมือนกันกับผม.. 
เธอเริ่มพยายามจะเข้ามาดูข้างๆบ้าง ว่าเด็กผู้ชายเล่นอะไรกัน
เธอมีสิ่งที่มีเหมือนกันแล้ว ทีนี้พวกเราจะได้เล่นกับเธอบ้าง

แน่ล่ะครับ ผมก็เป็นเด็กอายุสิบสอง ที่ไม่อ่อนข้อ 
ผมก็เอาโปเกม่อนที่ดีที่สุดของตัวเองไปดวล ทรายเองที่เพิ่งเล่นก็สู้ไม่ได้
เด็กผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกอ่อนโยน ผมก็บอกไปตรงๆว่าไม่อยากเล่นด้วยหรอก อ่อนขนาดนี้
(แน้ ดูผมสิ)

เธอก็พยายามเล่นของเธอทุกวันครับ พี่ชายของเธอก็เหมือนผมเลย ไม่อยากเล่นด้วย
บางวันเธอก็โทรเข้ามือถือแม่ผมบ้าง (โดยใช้มือถือแม่ของเธอ) โทรเข้าโทรศัพท์บ้านบ้าง 
(เพื่อนผมคงเอาเบอร์ผมให้เธอ มันคงขี้เกียจตอบคำถามเธอพอๆกัน) ถามผมว่าตรงนี้ผ่านยังไง
ออกจากเขาวงกตยังไง โทรมาแทบทุกวันเลยในช่วงนั้น อาจจะดูใจร้ายไปหน่อย


แต่ความรู้สึกตอนนั้นค่อนข้างรำคาญ พูดจาส่งๆ ขอไปที
บางทีก็ไม่บอกด้วย ตอบไปว่าไม่เห็นยากเลย ไปลองดูก่อนไป บางทีก็หลอก โกหก หลอกให้ไปติด
อะไรแบบนี้ (เด็กเปรตเนอะ) หลังๆผมก็เริ่มไม่รับ เราเองก็เบาๆเรื่องเกมลงไปครับ ช่วงสอบเข้ามอหนึ่ง
ก็เลยต้องอ่านหนังสือบ้าง แต่ก็อย่างว่าครับ ติดเกมขนาดนี้ ก็สอบไม่ติดมันซะสองสามโรงเรียนแน่ะ

หลังจากนั้นอีกสักสามสี่เดือน ช่วงเรียน ม.1 (Grade 7)
ผมปั่นจักรยานจากบ้านไปร้านอาหารไม่ไกลจากบ้านนัก ผมก็พบแม่ของทราย
(และเพื่อนผมที่แยกย้ายไปเรียนคนละที่) ก็เลยเดินตรงไปสวัสดี 

แม่ก็ทักขึ้นมา 'อ้าว โต้ง เป็นไงบ้าง 
ได้คุยกับทรายบ้างรึเปล่าลูก'

ผมส่ายหน้า ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยนี่นะ จะโทรไปทำไม

'เนี่ยนะ รู้มั้ย ตอนผลสอบออกน่ะ ทรายไปกดดูผลสอบให้โต้งทุกโรงเรียนเลยนะ
สาธิตนู่น สาธิตนี่ สวนกุหลาบ ทำยังกับเค้าสอบเองเลยแน่ะ ขนาดพี่ชายเค้า เค้ายังไม่ดูให้เลย
ว่างๆก็แวะไปที่บ้าน ไปหาน้องมั่งนะลูก แม่ไปละ'

เรื่องนี้ก็คงทำให้ผมแปลกใจนิดๆในตอนนั้น
ผมพยักหน้าหงึกๆ 

แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยครับ..


ผ่านไปราวๆสิบเอ็ดปี ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย 
ผมทำวิทยานิพนธ์ออกแบบพิพิธภัณฑ์ที่สร้างประสบการณ์ร่วมคนกับเกมครับ
เกมที่ผมเลือกมาศึกษาก็มี มาริโอ ตำนานเซลด้า และโปเกม่อนก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ  
ช่วงภาคข้อมูล ผมเลยกลับมาคุ้ยที่บ้านเพื่อหาเกมบอย จอมันมีเดดพิกเซลนิดหน่อย แต่ก็ยังพอเล่นได้

พอเปิดเกมขึ้นมาแล้ว ความทรงจำเรื่องของทรายไหลกลับมาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด....

ผมรู้สึกว่าผมทิ้งเธอไว้อยู่ตรงนั้นนานขนาดนั้นได้ยังไง...


โลกนี้ก็แคบลงมาก ผมตัดสินใจพิมพ์นามสกุลของเธอในเฟสบุ๊คเพื่อค้นหาครับ
โชคดีที่ยังจำนามสกุลเพื่อนได้ แล้วมันก็เจอได้ในไม่กี่นาทีต่อมาเลย

ผมกดปุ่มแอดเฟรนด์ไป และอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเธอก็กดรับ 
ทรายโตขึ้นมาก แต่ผมก็ยังจำเธอได้อยู่ดี อินโฟเขียนบอกว่าเธอเรียนอยู่ที่ลียง ฝรั่งเศส 
แทบจะเป็นคนละโลกกับผมเลย เหมือนในเอ็มวีค่ายจีเอ็มเอ็ม แต่มันก็โคตรจะจริง 
เรื่องมันน่ารักจนอยากจะอมยิ้มใช่ไหมครับ ตอนนั้นผมเองก็คิดอะไรไม่ออก ต้องทักไปว่าอะไร? บ่องชู้ว? ก่อมมองตะเลวู้?
ไม่ได้เตรียมคำอะไรไปพูด หรือคำชวนคุยอะไรทั้งสิ้น รู้แค่อยากทักทาย ก็คงเหมือนปกติทั่วไปเหมือนคนที่ไม่ได้เจอกันนานแสนนาน..


เธอจำผมไม่ได้เลยครับ
เธอไม่คุ้นด้วยซ้ำว่ามีคนแบบผมในชีวิต

เธอพิมพ์กลับมาซ้ำๆว่า 


'ขอโทษด้วยนะคะ จำไม่ได้จริงๆ'

"..."

มันเหมือนมุกเห่ยๆรึเปล่า 
ที่แอด Facebook ใครไปแล้วบอกว่าเรารู้จักกันไงตอนเด็กๆ

ตอนนั้นผมโหวงในอกไปหมด ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร

มันไม่ใช่ความรัก หรืออาการอยากกลับมาสนิทกันเช่นเดิมครับ
แต่มันเหมือนความรู้สึกอยากชดเชยอะไรหลายๆอย่างที่ติดอยู่ในอก 

จะโทษเค้าก็ไม่ได้


คนที่ควรจะลืมควรเป็นผมหรือเปล่า?
คนที่ไม่สนใจและปล่อยเค้าไว้ตรงนั้นนานขนาดนั้น

กับเค้าคนที่เคยพยายามจะมาอยู่ในวงโคจรของเราขนาดนั้นกลับลืมไปหมดแล้ว

ทำไมผมถึงยังเป็นคนเดียวที่ยังจำอยู่?..

พอถึงเวลานี้ ผมกลับมาคิดถึงมันบ่อยๆ อยากให้มันกลับมาหากเป็นไปได้ 
มันเป็นความรู้สึกอยากขอโทษ หรือไม่ก็ขอบคุณ อะไรสักอย่างที่ติดค้างเอาไว้
(โคตรไม่วิทยาศาสตร์เลย) 

ผมว่าหลายๆคนก็เคยทำใครสักคนหายไปในชีวิต
หลายคนที่เราเผลอลืมเค้าไป เพื่อนสนิทตอนเด็กๆที่ตอนนี้ไม่สนิทกันไปได้ยังไงก็ไม่รู้
ลูกหมาที่เคยเอาไปไว้บ้านคุณยาย แล้วก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมหลายปี

ใครบางคนที่เราเคยเลิกไปโดยเข้ากันไม่ได้ 
ทั้งที่เค้าเองก็เป็นแบบนั้นมาแต่แรก....

ดาวดวงเดิมที่โคจรของมันแบบเดิม แล้ววันนึงเราก็ไปบอกว่ามันไม่ใช่อีกแล้ว


---
(คราวนี้ผมได้ตัดเนื้อหาส่วนหนึ่งที่คุณแป้งโกะเขียนไว้ในหนังสือ)

พลูโตจะเหงาหรือเสียใจหรือไม่ ลำพังแค่ฤดูหนาวครั้งละ 62 ปี บนดาวนั้นก็น่าจะเงียบเหงาเกินพอแล้ว

ถ้าเปรียบเทียบพลูโตเป็นคน พลูโตอาจจะไม่ได้เป็นคนบ้านเดียวกับเราแต่แรก แต่ได้รับการเชื้อเชิญมาอาศัยในบ้านเดียวกัน พลูโตอาจจะคิดว่าที่นี่ก็อบอุ่นดี (ได้เคยเป็นสมาชิกในการเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ) แต่สุดท้ายก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนนอก ขณะที่กำลังเริ่มรู้สึกผูกพัน ก็ถูกเตะออกมานอกบ้านในที่สุด

แล้วดาวพลูโตเกี่ยวอะไรกับเรา?

สำหรับฉัน ฉันมีดาวพลูโตเป็นของตัวเองเสมอ ทุกคนมีช่วงเวลาที่เราตั้งคำถามว่า ที่นี่มันใช่ที่ของเราหรือเปล่า เราเคยอยู่ที่นี่และคิดว่าเป็นที่ของเรา แต่วันนี้มันกลับกลายเป็นที่ที่แปลกไป

ถ้าฉันเป็นนักดาราศาสตร์ ฉันคงทำทุกวิถึทางให้พลูโตได้กลับเข้ามาเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะดังเดิมอีกครั้ง เพราะพลูโตคงไม่อยากเป็นสัญลักษณ์ของความเหงาและการถูกทอดทิ้ง

อีก 20 ปีข้างหน้า เด็กรุ่นใหม่จะรู้หรือเปล่า? ว่าเคยมีดาวดวงนี่อยู่ในระบบสุริยะกับเขาด้วย หรือมันจะถูกทิ้งให้คนลืมเลือนไปซะอย่างนั้น

(ความรักก็เช่นกัน)

พลูโตที่รัก
ช่วงเวลาที่ฉันหลุดวงโคจร ไม่ว่าจะของใครหรืออะไรก็ตาม

ฉันมักจะเห็นภาพตัวเองนั่งกอดเข่าอยู่บนนั้นเสมอ

---

หลายๆคนก็เคยทำใครสักคนหายไปในชีวิต
หลายคนที่เราเผลอลืมเค้าไป เพื่อนสนิทตอนเด็กๆที่ตอนนี้ไม่สนิทกันไปได้ยังไงก็ไม่รู้
ลูกหมาที่เคยเอาไปไว้บ้านคุณยาย แล้วก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมหลายปี

ใครบางคนที่เราเคยเลิกไปโดยเข้ากันไม่ได้ 
ทั้งที่เขาเองก็เป็นแบบนั้นมาแต่แรก...

ดาวดวงเดิมที่โคจรของมันแบบเดิม แล้ววันนึงเราก็ไปบอกว่ามันไม่ใช่อีกแล้ว


แล้วคุณล่ะ 
คุณเคยมีดาวพลูโตของตัวเองแบบไหนบ้าง?

Cr:
MightyMojo - Pantip.com
แป้งโกะ - Twelve Places (12 ที่ที่คิดถึง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น