วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เหตุผลที่คนควรหยุดงาน


          วันนี้ผมได้หยิบยกกระเด็นหัวข้อ "เหตุผลที่คนควรหยุดงาน" ในหนังสือที่ชื่อ "แอ่งน้ำกลางทะเลทราย" เขียนโดยนักเขียนที่มีนามปากกาว่า "นิ้วกลม" ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจและสำคัญต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน

---

          Stefan Sagmeister นักออกแบบกราฟฟิกชื่อดังจากนิวยอร์ก ผู้ตั้งเป้าหมายของวิชาชีพไว้ว่า อยาก
ออกแบบกราฟฟิกดีไซน์ที่โดนใจคน (graphic design that touches people's heart) ได้อธิบายเคล็ดลับการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนเวที TED (www.ted.com) ว่า

          บริษัทสตูดิโอออกแบบในนิวยอร์กมีตารางการทำงานประหลาดๆอย่างหนึ่ง คือ ทุกๆเจ็ดปีเขาจะปิดบริษัทหนึ่งปี เขาบอกว่าเพื่อให้พนักงานทุกคนในบริษัทออกไปค้นหาและทำการทดลองอะไรบางอย่างที่ทำไม่ได้ในช่วงเวลายุ่งกับงานประจำ ซึ่งในปีที่หยุดนั้น ทางบริษัทจะไม่รับงานใดๆทั้งสิ้น ทั้งลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย เขาหวังว่าปีนั้นคงเป็นปีที่มีความสุข และเต็มไปด้วยพลัง

          สเตฟานบอกเหตุผลเบื้องหลังการเปิดบริษัทของเขาว่า เพื่อนำดนตรีและการออกแบบมาผสมผสานกัน ซึ่งเขาก็ได้ทำในสิ่งที่รัก คือ การได้ออกแบบปกซีดีมากมายทั้งวงที่ดังและยังไม่ดัง แต่เขาก็เล่าต่อว่า เขาได้ค้นพบว่า การออกแบบปกนั้นเมื่อทำมันนานๆจะรู้สึกเบื่อ เพราะความซ้ำซาก มิใช่แค่ความรู้สึกเบื่อเท่านั้น แต่ยังแสดงในผลงานอีกด้วย นั้นคือ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจปิดบริษัทไปหนึ่งปีเต็ม

          หลังจากนั้นเขาก็ได้นำเสนอถึง เส้นชีวิตของมนุษย์ ที่แบ่งช่วงเวลาในชีวิตมนุษย์ออกเป็นสามช่วง

ช่วงแรก คือ เราใช้ 25 ปีกับการเรียนรู้
ช่วงที่สอง คือ อีก 40 ปีต่อมาเราใช้ไปกับการทำงาน
และช่วงที่สาม คือ 15 ปีสุดท้าย เราใช้เวลากับการไปพักผ่อนหลังเกษียณ

          คำถามที่สเตฟานสงสัยก็คือ

ทำไมต้องรอไปเกษียณตอนอายุ 60 กว่าปีด้วยล่ะกว่าจะได้พักผ่อน?
ทำไมเราไม่หาเวลาพักผ่อนบ้าง ระหว่างช่วงที่ทำงานหนัก?

          เขาแนะนำโดยการเฉือน 5 ปี จาก 15 ปีในช่วงเวลาเกษียณออกมาแล้วเอามาเฉลี่ยเป็น "ปีพัก" ให้กับ 40 ปีในช่วงเวลาทำงาน โดยแทนที่จะทำงานงกๆ (งกเงินและงกตำแหน่ง) ยาวต่อเนื่อง 40 ปีก็กลายเป็นว่า ทำงาน 7 ปีหยุด 1 ปีแทน ทั้งหมด 5 รอบก็ครบ 40 ปีพอดี

          สเตฟานเล่ายังต่อว่า ไม่เพียงได้พักผ่อนยาวๆ หลังจากทำงานหนักมา 7 ปีเท่านั้น แต่เขายังยืนยันว่า ผลงานหลังพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งปีนั้น ใหม่ สด และมีคุณภาพที่ดีขึ้นมาก โดยผลงานตลอดเจ็ดปีหลังหนึ่งปีที่ได้หยุดยาว ล้วนได้ไอเดียมาจากช่วงเวลาที่หยุดยาวไปเกือบทั้งสิ้น

          โจนาธาน ไฮด์ (Jonathan Hyde) ที่เคยมาพูด TED แบ่งลักษณะของการงานออกเป็นสามระดับ
  1. Job คือ การทำงานเพื่อเงินเท่านั้น
  2. Career คือ การทำงานที่เริ่มมีแรงจูงใจมากขึ้น เริ่มคาดหวังการเลื่อนตำแหน่ง แต่ก็ยังมีบางช่วงที่รู้สึกว่างานหนัก คุ้มที่จะทำหรือไม่
  3. Calling คือ การทำงานที่เราเป็นสิ่งเดียวกับงานที่กลมกลืน เป็นธรรมชาติและทำงานอย่างมีความสุข
          สเตฟานเลือกใช้เวลาที่หยุด 1 ปี ไปพักร้อนที่บาหลี เขาได้แรงบันดาลใจใหม่ๆมากมายมาใช้ในงานออกแบบของเขา เช่น สุนัขจรจัดที่บาหลีกลายมาเป็นลายเสื้อเท่ๆ เก้าอี้หวายกลายมาเป็นต้นตอในการออกแบบเก้าอี้ที่เต็มไปด้วยคำพูด

          เชฟที่ดีที่สุดในโลกก็ใช้นโยบายเดียวกับเขา ร้านอาหารของเขาเปิดแค่เดือนละ 7 เดือน อีกห้าเดือนปิดเพื่อทดลองทำรายการอาหารใหม่ๆ ที่สำคัญมีคนเข้าคิวจองที่นั่งในร้านอาหารของเขานับล้านคน

          บริษัทของสเตฟานให้เวลาพนักงานของเขามีเวลาส่วนตัวถึง 12.5% ในระหว่างที่บริษัท 3M ให้เวลาวิศวกรในบริษัททำอะไรก็ได้ตามใจถึง 15% และไอเดียเจ๋งๆอย่าง 'สก๊อตซ์เทป' ก็ผุดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ "ทำอะไรก็ได้" ส่วนบริษัท Google ให้เวลาวิศวกร software ถึง 20% เพื่อทำโปรเจกต์ส่วนตัว

          การหยุดพักจากการงานที่ต้องก้มหน้าก้มตาทำทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปี นอกจากจะทำให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลายแล้ว มันยังเปิดโอกาสให้สมองมีที่ว่างสำหรับการผุดขึ้นของไอเดียใหม่ๆอีกด้วย 'เวลาว่าง' จึงมิได้ 'ว่างเปล่า' แต่มัน 'ว่าง' เพื่อเปิดพื้นที่ให้ความคิดใหม่ๆได้เกิดขึ้น หากไม่มีเวลา 'ว่าง' เลยเราก็อาจจะวนเวียนกับความคิดเดิมๆอยู่อย่างนั้น

---

         ในมุมมองของผม เรื่องของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ว่าไปแล้วเกิดจากทักษะการสังเกตเป็นอันดับแรก การสังเกตที่ดีย่อมสามารถทำให้เห็นอะไรแปลกใหม่ในความคิดได้ แต่การจะทำได้อย่างนั้น ผมว่ามันขึ้นอยู่กับ อารมณ์และสมาธิ เป็นส่วนสำคัญด้วย เนื่องจาก อารมณ์ที่ปลอดโปร่งและแจ่มใส จะช่วยให้คุณมีสมาธิจดจ่อกับการสังเกตและคิดไอเดีย เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้อย่างยอดเยี่ยม

         แต่เนื่องด้วยการทำงานในทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับแรงกดดันต่างๆไม่มากก็น้อย ทั้งงาน ลูกค้า เพื่อนร่วมงาน หรือ เจ้านาย การบริหารอารมณ์และเวลาเป็นสิ่งสำคัญ 

         การบริหารอารมณ์ง่ายๆคือการนั่งทำสมาธิ 
         ส่วนการบริหารเวลาโดยเฉพาะการใช้ความคิดสร้างสรรค์ คนระดับเก่งๆในเรื่องสร้างสรรค์ส่วนใหญ่ทุกคนมักบอกว่า การจดบันทึกหรือไอเดียที่คุณเจอะเจอในช่วงต่างๆทันทีโดยคุณอาจต้องพกสมุดบันทึกกับปากกาดินสอไว้ทุกที่ เพื่อสะดวกในการบันทึกได้ทันที มันสามารถช่วยประหยัดเวลาของคุณได้ดี

         แต่โดยส่วนตัวผมก็ชอบมากๆกับนโยบายข้างต้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น