วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: ทดสอบ 3 ครั้ง


        สมชายไปสมัครงานที่บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ทางบริษัทจัดให้ผู้สมัครงานทั้งหมดนั่งในห้องประชุม ทดสอบ 3 ครั้งติดต่อกัน 3 วัน ทดสอบครั้งแรก สมชายได้ 99 คะแนน เป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่ผู้หญิงอีกคนชื่อ หญิงลี ได้ 95 คะแนน เป็นอันดับสอง

        ทดสอบครั้งที่สอง พอแจกแบบทดสอบแล้ว สมชายรู้สึกหงุดหงิด เพราะคำถามทั้งหมดเหมือนแบบทดสอบครั้งแรก เขาคิดว่าบริษัทแจกผิด แต่ผู้คุมสอบเน้นว่า แจกไม่ผิด ในเมื่อแจกไม่ผิด สมชายก็ไม่คิดอะไร เขายกปากกาขึ้นเขียนตอบอย่างมั่นใจ ทำแบบทดสอบเสร็จโดยที่ยังเหลือเวลากว่าครึ่ง สมชายส่งแบบทดสอบ ผู้สมัครคนอื่นๆก็ทยอยส่งเช่นเดียวกัน ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเห็นได้ชัดว่า ต่างมั่นใจว่าทำได้

        คะแนนทดสอบครั้งที่สอง ประกาศแล้ว สมชายยังคงได้ 99 คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ผู้หญิงคนที่ส่งแบบทดสอบคนสุดท้ายได้ 98 คะแนนซึ่งเป็นอันดับสอง

        วันที่สาม ทดสอบครั้งที่สาม ตามเวลา "ครั้งนี้คงไม่แจกแบบทดสอบเดิมล่ะน่า?" สมชายคิดเช่นนี้ ก่อนเข้าทดสอบ พอแจกแบบทดสอบแล้ว สนามสอบฮือฮาทันที เพราะแบบทดสอบเหมือนสองครั้งที่แล้ว ไม่มีผิด

        "โปรดอยู่ในความสงบ! ฟังทางนี้ก่อน แบบทดสอบนี้ชุดเดียวกับสองครั้งที่แล้ว ทางบริษัทกำหนดมาเช่นนี้ ทางเราก็ปฏิบัติตาม ถ้าใครเห็นว่าวิธีการทดสอบนี้ไม่สมเหตุสมผล ขอให้วางแบบทดสอบลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืน ทางเรายินดีปล่อยท่านออกจากสนามสอบทันที" ผู้เข้ารับการทดสอบเห็นผู้คุมสอบ ใช้ท่าทีเคร่งครัดยิ่ง ก็ได้แต่ก้มหน้าลงทำแบบทดสอบอย่างว่าง่าย

        การทดสอบครั้งที่สามใช้เวลาน้อยมาก ผู้เข้ารับการทดสอบส่วนใหญ่แทบไม่ต้องอ่านคำถาม ทั้งกาทั้งเขียน ตามคำตอบเดิมๆสองครั้งแรก ไม่ถึงชั่วโมง ทั้งสนามสอบก็โล่ง เหลือหญิงลีคนเดียว นั่งเค้นสมองครุ่นคิด เดี๋ยวแก้เดี๋ยวเติม กระทั่งเสียงกริ่งหมดเวลาดังขึ้น เธอจึงส่งแบบทดสอบ

        ต่อมา คะแนนทดสอบครั้งที่สามออกแล้ว สมชายระบายลมหายใจออกจากปากด้วยความโล่งอก เขายังคงได้ 99 คะแนน เป็นอันดับหนึ่ง แต่ครั้งนี้มิได้มีอันดับหนึ่งเพียงคนเดียว หญิงลีก็ได้ 99 คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง เช่นเดียวกันกับเขา ถึงกระนั้นสมชายก็ไม่กังวลว่าจะถูกเธอเบียดตก

        วันที่สี่ รายชื่อผู้สมัครที่ผ่านการทดสอบ ติดบนกระดานประกาศ สมชายถึงกับงุนงง เพราะมีชื่อ 'หญิงลี' เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผ่าน ส่วนคนอื่นๆล้วนไม่ผ่าน สมชายขอเข้าพบฝ่ายบุคคลของบริษัททันที เขาถามอย่างตรงไปตรงมาคล้ายควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้ว่า

        "ผมได้ 99 คะแนนทั้ง 3 ครั้ง ทำไมบริษัทยังไม่รับผม แต่รับคนที่สองครั้งแรกได้คะแนนน้อยกว่าผม? วิธีการทดสอบแบบนี้ยุติธรรมแล้วหรือ"

        ผู้จัดการฝ่ายบุคคลยิ้มจ้องสมชาย กระทั่งสมชายควบคุมอารมณ์ได้สมควรแล้ว จึงตอบว่า

        "ทางเราชื่นชมคะแนนของคุณมากทีเดียว แต่ทางบริษัทของเราไม่ได้ประกาศว่าจะรับคนที่ผ่านการทดสอบได้คะแนนสูงสุด คะแนนสูงต่ำเป็นเงื่อนไขหนึ่งสำหรับการพิจารณาตัดสินรับพนักงานใหม่จริง ทางบริษัทก็รับพนักงานโดยพิจารณาที่คะแนนด้วย ทว่าคุณถึงแม้ว่าจะได้คะแนนทดสอบสูงสุดทั้งสามครั้ง แต่คำตอบของคุณเหมือนกันทั้งสามครั้ง ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรเลย ถ้าทางบริษัทของเราเหมือนกับทางคุณที่ตอบคำถามแบบนี้ บริหารด้วยความคิดแบบเดียวกันตลอด แล้วเช่นนี้จะสามารถรอดพ้นชะตากรรม 'แพ้ถูกคัดออก' หรือไม่? พนักงานที่ทางบริษัทของเราต้องการมิเพียงมีความรู้ความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่พนักงานนั้นยังต้องรู้จักคิดทบทวนสรุปและแก้ไขด้วย จึงจะก้าวหน้า ส่งผลให้บริษัทพัฒนาขยายตัว ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทของเราจึงใช้แบบทดสอบเดียวกันทั้งสามครั้ง เพื่อทดสอบผู้สมัครงานที่ไม่เพียงต้องการทดสอบวิชาความรู้ ยังต้องการทดสอบความสามารถในการขบคิด ทบทวน สรุป และแก้ไขด้วย ดังนั้นทางบริษัทยังไม่คิดที่จะรับคุณเข้าทำงานตอนนี้"


เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่?

         การทดสอบข้างต้นแท้จริงแล้ว คือการทดสอบท่าทีต่อความรู้ ทุกคำตอบ มิได้สมบูรณ์แบบ แต่ควรจะสมบูรณ์แบบมากขึ้น การที่ไม่รู้ว่าควรทำให้สมบูรณ์มากขึ้นและพึงพอใจอยู่ที่คะแนนการทดสอบ 99 คะแนน เท่ากับว่าเป็นการหยุดนิ่งกับที่ ไม่แสวงหาความก้าวหน้า ส่วนการไม่ยอมแพ้ ไม่พอใจสภาพเดิม พยายามทำคะแนนเพิ่มคือ การแสวงหาความก้าวหน้าอย่างกระตือรือร้น ไม่ต้องกลัวว่ายังแพ้คนอื่นอยู่ เนื่องจากคนหนึ่งซึ่งก้าวหน้า แต่กำลังถอยหลังหรือหยุดนิ่งอยู่กับที่ ส่วนอีกคนหนึ่งซึ่งเดิมอาจจะล้าหลัง แต่กำลังก้าวไปข้างหน้า ไม่หยุดนิ่งกับที่ ความแตกต่างในเรื่องความก้าวหน้าระหว่างทั้งสองคนย่อมลดลง ดังนั้นการพัฒนาอนาคตและความเจริญก้าวหน้า จึงเป็นของฝ่ายหลัง

Cr. เจียระไนปัญญา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น