วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: ถ่านสร้างเงิน


     "คนที่มีความกลัดกลุ้มในชีวิต ถ้าไม่ใช่เพราะคิดมากเกินไป ก็เพราะคิดน้อยเกินไป" --ไฮลัส

     คนที่เคยเข้ามาเที่ยวในสวนของพอล ร้อนทั้งร้อยเป็นต้องเอ่ยปากชื่นชมในความงดงาม ต้นไม้ในสวนแห่งนี้ ทั้งสูงใหญ่และเขียวชอุ่มเป็นพุ่มพฤกษ์ ดอกไม้ต้นหญ้านานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย น้ำพุใสสวยพวยพุ่งอยู่กลางหมู่แมกไม้ ตามร่มไม้ยังมีเสียงนกเพรียกร้องดังไพเราะเสนาะโสตลอยมาให้ได้ยิน ทุกคนที่มาชมสถานที่แห่งนี้ ต่างพากันเพลิดเพลินเจริญใจ จนแทบจะลืมกลับบ้าน

     แต่แล้วเมื่อห้าปีก่อน อัคคีภัยครั้งใหญ่กลับเผาผลาญสวนแห่งนี้จนราบเรียบ ทุกอย่างเปลี่ยนโฉมหน้าไปจนหมดสิ้น สำหรับพอลผู้สืบทอดหน้าที่ในการดูแลสวนเก่าแก่แห่งนี้แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่สวนถูกทำลายไปนั้น ทำให้เขาสะเทือนใจมากเพียงใด

     พอลยืนมองซากปรักหักพังที่อยู่ตรงหน้า พอคิดถึงความเหนื่อยยาก กว่าที่ปู่จะสร้างสวนแห่งนี้ขึ้นมาได้ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวใจอย่างยิ่ง เขาคิดว่าตัวเองช่างไม่เอาไหน และรู้สึกผิดต่อทุกคนในครอบครัว

     เขาคิดจะบูรณะสวนแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ทว่า จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น และคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี ช่วงเวลานั้นพอลขังตัวเองอยู่ในบ้านทั้งวัน ไม่กินไม่นอน เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการคิดหาทางแก้ไขปัญหา

     คนในครอบครัวเป็นห่วงเขามาก จนกระทั่งวันหนึ่งย่าก็พูดกับเขาด้วยสีหน้าท่าทีจริงจัง คำพูดนั้นเปี่ยมไปด้วยความหมาย "ลูกเอ๋ย สวนถูกไฟไหม้ไปแล้ว พวกเราทุกคนต่างก็เสียใจ แต่เรื่องก็เกิดขึ้นมาแล้ว เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงในข้อนี้ได้ การที่สวนถูกทำลายไปไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือตัวเจ้าก็ถูกทำลายไปด้วยนี่สิ"

     คำพูดของย่าทำให้เขาคิดได้ พอลเลิกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และแล้วฤดูหนาวก็มาถึง อากาศเย็นลงทุกวัน วันหนึ่งพอลไปทำธุระในเมือง เขาเดินไปตามท้องถนน พลันสังเกตเห็นว่ามีคนจำนวนมากออกันอยู่บริเวณหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง ทุกคนต่างเบียดเสียดกันแน่นขนัดจนประตูร้านแทบจะพัง เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วก็เห็นว่าผู้คนกำลังแย่งกันซื้อถ่านไม้ แต่ถ่านไม้ในร้านมีไม่พอกับความต้องการของลูกค้าและใกล้จะหมดอยู่แล้ว

     เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พอลก็พลันฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ พอกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบว่าจ้างคนงานมาหลายคน ใช้เวลาสองสัปดาห์ นำต้นไม้ที่ถูกไฟไหม้ในสวนทั้งหมด มาแปรรูปเป็นถ่านไม้อย่างดี ส่งไปขายยังร้านค้าในเมือง

     พอลขายถ่านไม้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้เงินมาก้อนใหญ่ ในที่สุดเขาก็มีเงินมากพอจะบูรณะสวนแล้ว เขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า สักวันทุกคนจะได้เห็นสวนเก่าแก่แห่งนี้ กลับมาสวยงามเหมือนในกาลก่อนอีกครั้ง


เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่?

      หากภัยพิบัติเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเตรียมจิตใจไว้ล่วงหน้าและพร้อมจะยอมรับ ทว่า ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้เอง ที่วัดระดับความเข้มแข็งของจิตใจเราได้

      การทำตัวลนลานโทษโน่นโทษนี่ หาได้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปไม่ ยามพบกับปัญหา ความสุขุมเยือกเย็นต่างหากที่จะช่วยให้เราเดินขึ้นจากหุบเหวของชีวิตได้เร็วขึ้น

Cr. สุขได้ถ้าวางเป็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น