วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

ดึงระยะห่างให้ใกล้เข้ามากันเถอะ


      คนเรามีชีวิตอยู่ในแวดวงของบรรยากาศหนึ่งใด จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างภายใต้บรรยากาศเหล่านี้ นักมนุษยศาสตร์และนักจิตวิทยาชาวอเมริกันเห็นว่า มนุษย์ที่อยู่ในสังคมอารยธรรม ย่อมมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ความสัมพันธ์นี้จะมีขอบเขตและระดับต่างๆกัน

      ความสัมพันธ์จะอยู่ในระดับใดนั้น จะแสดงออกอย่างเด่นชัดเมื่อมีการพบปะกัน ตามมาตรฐานของชาวอเมริกัน เป็นดังนี้

      คนที่ยืนคุยกันห่างไม่เกิน 45 cm. แสดงว่ามีความสนิทสนมกันมาก อาจไม่ใช่แค่มีการพูดคุยสนทนา ยังมีการสัมผัสเนื้อต้องตัวด้วย สามารถรับรู้ถึงอุณหภูมิของร่างกาย สีหน้า รวมถึงลมหายใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

      ระยะห่าง 45-75 cm. ยังเป็นระยะห่างของคนที่สนิทกัน ภรรยายืนห่างจากสามีในระดับนี้จะรู้สึกสบายเป็นปกติ แต่ถ้าหญิงอื่นมายืนใกล้สามีของตนระดับนี้ ภรรยาคงไม่สบายใจเป็นแน่

      ระยะห่าง 75-120 cm. เป็นระยะห่างของคนที่สนิทกัน เมื่อยืนห่างกัน หรือ คนส่วนใหญ่ที่มีเรื่องส่วนตัวปรึกษากัน

      ระยะห่าง 120-200 cm. เป็นระยะห่างของคนทั่วไปในสังคม เพื่อนร่วมงานยืนคุยกันในที่ทำงาน หากเป็นเลขาฯยืนห่างจากเจ้านาย 120-200 cm. ด้วยความแปลกชอบกล จะให้ความรู้สึกว่าเจ้านายใช้อำนาจบาตรใหญ่

      ระยะห่าง 200-260 cm. ก็เป็นระยะห่างของคนทั่วไปในสังคม เป็นการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ เช่น โต๊ะทำงานของบุคคลสำคัญ คนที่เข้าพบ ต้องอยู่ห่างในระดับนี้หรือ ในที่สาธารณะ ไม่ใช่สถานที่แออัดก็จะยืนห่างกันขนาดนี้ และเป็นระยะห่างที่เหมาะแก่การกล่าวรายงานด้วย

      การเลือกระยะห่างที่เหมาะสม บางครั้งก็เป็นเรื่องที่จำเป็น มีหญิงสาวคนหนึ่งพอใจชายหนุ่มคนหนึ่งมาก แต่ด้วยอารมณ์โกรธ เธอปฏิเสธการขอแต่งงานของชายหนุ่ม ด้วยสาเหตุที่ชายหนุ่มขอเธอแต่งงาน ในขณะที่นั่งห่างจากเธอ 2 m.

      อาจารย์คิดวิธีการทดสอบนักเรียน โดยให้นักเรียนไปที่ห้องทำงานพูดเรื่องผลการเรียน ในห้องมีโต๊ะ 1 ตัว เก้าอี้ 2 ตัว มี 3 แนวทางการทดสอบด้วยกัน นั่นคือ กล่าวตำหนิ ชื่นชม และพูดเป็นกลาง เนื้อหาของการกล่าวตำหนิคือ ครูเห็นว่าผลการเรียนของเธอแย่มากและไม่ตั้งใจเรียน ส่วนเนื้อหาของการกล่าวชื่นชม คือ ผลการเรียนของเธอดีมาก เธอเป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน ส่วนการพูดเป็นกลางก็คือ การเรียนของเธอก็ใช้ได้

      ผลการทดสอบปรากฎว่า นักเรียนที่ได้รับคำชม จะนั่งอยู่ใกล้ครูที่สุด ส่วนนักเรียนที่ถูกตำหนิจะนั่งห่างที่สุด ส่วนนักเรียนที่ครูพูดเป็นกลาง นั่งไม่ใกล้และไม่ไกล

      การคบค้าสมาคมกันในสังคม เราจะใช้หลักขอบเขตของมนุษยสัมพันธ์ สำหรับเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นได้อย่างไร ก็พอมีหลักการให้พิจารณาดังนี้

      เวลาประชุม คุณควรนั่งใกล้หัวหน้าให้มากที่สุด เพราะจะทำให้เขารู้สึกสนิท อยากเรียกใช้ มีอะไรก็นึกถึงเราก่อน นักจิตวิทยามีผลการวิจัยยืนยันได้ว่า คนเราจะสนิทกับคนรู้ใจมากกว่าเพื่อน สนิทกับเพื่อนมากกว่าคนรู้จัก และสนิทกับคนรู้จักมากกว่าคนแปลกหน้า แต่ก็คุณหมั่นไส้มองว่า คุณเป็นคนชอบประจบสอพลอ ตีสนิทเจ้านาย

      เวลาถ่ายรูปหมู่ พยายามยืนในตำแหน่งที่ใกล้บุคคลสำคัญ พยายามอยู่แถวหน้า อย่าอยู่แถวหลัง พยายามอยู่ตรงกลาง อย่าอยู่ด้านข้าง อย่าทำเป็นเกรงอกเกรงใจ ผลักให้คนอื่นไปก่อน แต่ก็อย่าแย่งจนน่าเกลียด

      คนที่เป็นครูสอนหนังสือ ในเวลาสอน ควรเดินไปทักทายนักเรียนบ้าง เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกเป็นกันเอง มีความสนิทใจ อยากจะเรียนและกล้าที่จะถาม ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็ไม่ควรเล่นจนนักเรียนลามปาม ขาดความเคารพครู

      เวลามีความรัก ควรชวนคนรักไปดูภาพยนตร์ เพราะในโรงภาพยนตร์จะถูกจำกัดให้นั่งติดกัน ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันโดยไม่เคอะเขิน

      ในการต้อนรับแขกชาวต่างประเทศ ต้องดูแลเอาใจใส่ให้ทั่วถึง มีมารยาท แสดงให้เห็นความมีน้ำใจของเรา

      การพบปะเพื่อนฝูงตามสถานที่ต่างๆ อาจจับแขนตบไหล่เป็นการทักทายได้ แต่ถ้าเป็นเพศตรงข้าม ต้องสำรวม ยืนห่างประมาณ 75-120 cm. จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดทั้งสองฝ่าย

      และในขณะที่โดยสารรถเมล์ ต้องสำรวมวางมาดให้ดูเคร่งขรึม หากมีหนังสือในมือ ก็ควรแสดงออกคล้ายตั้งใจดูหนังสือ แต่ถ้าไม่มีหนังสือก็ควรทอดสายตาไปข้างนอก สิ่งที่ไม่ควรทำคือ ไปจ้องมองคนอื่นในรถ หากมีเพื่อนหรือคนรักไปด้วยก็ดี เราจะได้มีจุดให้สนใจได้

Cr. วิธีโปรยเสน่ห์อย่างแนบเนียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น