วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

บทเรียนที่ควรรู้ ของคนหน้าตาดี


     นักจิตวิทยาอเมริกันชื่อ Edward Thorndike ค้นพบสิ่งที่เรียกว่า "halo effect" (ผลจากออร่า) เมื่อเกือบ 100 ปีมาแล้ว เขาพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทั่วไปก็คือ คุณลักษณะเดียว ไม่ว่าจะเป็นความสวยความงาม หรือฐานะทางสังคม หรืออายุ หรือคุณวุฒิ ฯลฯ  มักจะสร้างความประทับใจด้านบวกหรือด้านลบ โดยข่มคุณลักษณะอื่น ๆ ไปเสียทั้งหมด พูดง่าย ๆ ก็คือ มนุษย์รับคุณลักษณะ ต่าง ๆ ด้วยสัดส่วนที่ไม่สมเหตุสมผล

     มีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า มนุษย์มักจะทึกทักโดยอัตโนมัติว่า คนหน้าตาดีเป็นคนนิสัยดี ฉลาดและซื่อสัตย์ด้วย ยิ่งในสมัยปัจจุบันที่ผู้คนชื่นชอบ และชื่นชมความสวยความงามยิ่งกว่าสมัยใดแล้ว ความงามจึงเป็นทรัพย์สินที่มีค่าอย่างยิ่ง

     เมื่อคำนึงถึง “ผลจากออร่า” กับความโดดเด่นของความสวยความงามแล้ว ความงามจึงเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมาก ในการสร้างความประทับใจในด้านบวกแก่ผู้คน ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูโฆษณาในสื่อต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกดูก็ได้ เราจะไม่เคยเห็นคนหน้าตาไม่ดีปรากฏตัวให้เห็นเลย

      ดาราหน้าตาดีเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้า ที่ไม่น่าจะเกี่ยวพันแต่อย่างใด กับชื่อเสียงหรือความสำเร็จของเขาเลยแม้แต่น้อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในปัจจุบันนักโฆษณาเข้าใจเรื่อง “ผลจากออร่า” ดียิ่งขึ้นว่า มันทำงานในระดับจิตใต้สำนึกของมนุษย์ (subconscious) กล่าวคือ ผู้บริโภคบันทึกความทรงจำสินค้า โดยผูกโยงกับหน้าตาดีนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ จำสินค้าได้โดยผ่านหน้าตาที่งดงามนั้น

      ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือ ข้อได้เปรียบของคนหน้าตาดี ทั้งในด้านการสร้างความประทับใจ และการมีมูลค่าส่วนตัว คนหน้าตาดีคนใดที่ได้อ่านข้อความนี้ คงรู้สึกอกพอง แต่อย่าได้ “อ้าขา ผวาปีก” เป็นอันขาด เพราะ ยังมีอีกหลายสิ่งที่ควรเรียนรู้ เพื่อการมีชีวิตที่ดีพร้อมไปกับความหน้าตาดี

1. คนสวยงามทุกคนไม่จำเป็นว่าจะต้องประสบความสำเร็จเสมอไป 

      เราไม่เคยได้ยินความสำเร็จในชีวิตของนางสาวไทยทุกคน หรือดารานักแสดงหญิงชายทุกคนในโทรทัศน์ อย่างไรก็ดี หลายคนสามารถหาประโยชน์จากความหน้าตาดีของตนเองได้เป็นอย่างดี เพราะได้เรียนรู้สัจธรรมของความงาม ซึ่งได้แก่ความไม่จีรังยั่งยืน เนื่องจากความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุขัยเกิดขึ้นทุกวินาที

2. มนุษย์โดยทั่วไปมักเอนเอียงเข้าข้างตัวเองโดยธรรมชาติ และมักประเมินความสำเร็จของตนเองเกินความเป็นจริง 

      โดยเข้าใจว่า ตนเองนั้นงามและมีบุคลิกอันเป็นพิเศษ มีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพของตนเอง หรือประกอบธุรกิจสูงกว่าคนอื่น เนื่องจากตนเองมี “ความเป็นพิเศษ” ไม่เหมือนคนอื่น (ดีกว่า สวยล้ำ หรือมี “ดวง” ที่เป็นเลิศ หรือมี “เทพ” ประจำตัว หรือรู้อยู่แล้วว่า จะต้องจบลงด้วยชะตากรรมที่ดีเพียงใด)

      มนุษย์เข้าใจโลกอย่างใด ในใจก็จะปฏิบัติออกไปตามนั้น รวมถึงกับคนหน้าตาดีมักมีความมั่นใจสูงกว่าคนอื่นโดยเฉลี่ย เราจึงเห็นพฤติกรรมของพวกเขา ที่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของตนเองอยู่บ่อย ๆ กว่าคนหน้าตาปกติ

      เฉพาะคนหน้าตาดีที่มีสติ เข้าใจการประเมินเกินความเป็นจริงของมนุษย์ เข้าใจความไม่จีรังยั่งยืนของความงาม และมีสมรรถนะในการปรับตัวเพื่อหาประโยชน์จากความโชคดี ที่ตนเองมีหน้าตาดีเท่านั้น ที่จะมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าคนหน้าตาดีโดยทั่วไป

3. คนที่เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้นั้น ต้องงามทั้งกายและใจ 

      สิ่งที่เสื่อมอยู่ตลอดเวลาคือร่างกาย ในขณะที่ความงามในใจนั้นงอกเงยได้ งดงามตลอดเวลา และตลอดช่วงอายุอย่างไม่รู้จักหยุดด้วย

      คนหน้าตาดีที่มี “หัวใจหล่อ” นั้นถือเป็นข้อได้เปรียบสองชั้น ชั้นแรกคือการได้โหน “ผลจากออร่า” และชั้นที่สองคือ มีสิ่งที่คงทนต่อความเสื่อมสลายอยู่ในตัวเอง สิ่งหลังนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้คานการลดน้อยถอยลงของความหล่อได้เป็นอย่างดี

      คนหน้าตาดีควรสำนึกในความโชคดี ที่ชีวิตครั้งเดียวของเขามียีนส์ของทั้งพ่อและแม่ร่วมกันทำงานอย่างเป็นเลิศ บวกกับความก้าวหน้าด้านศัลยกรรมการแพทย์ 

      เมื่อโชคดีเช่นนี้แล้ว ก็ควรแบ่งปันความโชคดีนี้ให้แก่ผู้ที่ไม่โชคดีเท่าตนเองบ้าง ทุกคนมีชีวิตคนละครั้ง แต่ถ้าได้ใช้ครั้งหนึ่งที่มีอย่างคุ้มค่า หนเดียวก็เพียงพอแล้ว

Crวรากรณ์ สามโกเศศ, all Magazine

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น