แรงจูงใจเกิดจากความต้องการที่จำเพาะเจาะจง เป็นความปรารถนาแรงกล้าที่จะเติมเต็มความต้องการ "กฎของเยอร์คีสและดอดสัน (Yerkes-Dodson Law)" ได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจกับประสิทธิภาพของงาน ว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มของแรงจูงใจกับประสิทธิภาพของงานที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงเส้น แต่หากเป็นลักษณะ "ระฆังคว่ำ" แทน ซึ่งหมายความว่า ยิ่งอยากได้ก็ไม่แน่ว่าจะได้ นั่นคือ แรงจูงใจในระดับปานกลางเป็นประโยชน์ต่อการบรรลุภารกิจที่ดีที่สุด ตามหลักการดังนี้
- กิจกรรมใดๆย่อมมีมาตรฐานระดับแรงจูงใจที่ดีที่สุดระดับหนึ่ง
- มาตรฐานระดับที่ดีที่สุดของแรงจูงใจย่อมแตกต่างกันไปตามภารกิจ
- ภารกิจที่มีความยากสูง ระดับแรงจูงใจที่ต่ำจะเป็นประโยชน์ต่อการบรรลุภารกิจ
ยกตัวอย่าง ขณะแข่งวิ่ง ถ้าอยากจะคว้าตำแหน่งที่ 1 ให้ได้ ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ที่เหมือนอุบัติเหตุกระทบต่อการแข่งขัน หรือ ระหว่างการแข่งขันถ้ามีอาการเครียดจัด แล้วไม่สมความตั้งใจก็จะผิดหวังรุนแรง ในทางกลับกันถ้ารักษาสภาพจิตใจที่ดีตลอดช่วงการแข่งขัน จะรู้สึกว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้เข้าร่วม เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเกียรติยศสูงสุดจะเป็นของคุณ คุณอาจจะได้ทั้งเงินได้ทั้งรางวัล
คล้ายๆกับข้อคิดจากเรื่องเล่า แชมป์โลกกับแมลงวัน บทความบน Blog นี้ที่คุณอาจได้เคยอ่านไป ที่แชมป์โลกมีความมุ่งมั่นตั้งใจป้องกันแชมป์มากเกินไป จนพาลหรือหงุดหงิดใส่แมลงวันตัวหนึ่งที่บินไปบินมารอบตัวเขา ท้ายสุดแชมป์โลกคนนี้แทนที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายในช่วงท้ายการแข่งขัน กลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ ทั้งๆที่ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันก็ใช้ความสามารถและประสบการณ์ทำผลจนได้เปรียบหรือนำคู่แข่งมาได้
โดยส่วนมาก ผู้ชายมักมีแนวโน้มชอบไล่ล่าความสำเร็จมากกว่าผู้หญิง ดังนั้นแรงจูงใจในการทำงานของผู้ชายส่วนใหญ่จึงมีค่าสูง แต่บ่อยครั้งที่มักรู้สึกล้มเหลว ซึ่งนานวันเข้าจะกระทบความเชื่อมั่นในตนเอง คุณกำลังอยู่ในภาวะที่รู้สึกว่าพยายามมากแล้วแต่ไม่มีผลตอบแทนใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นต้องฝึกฝนการระงับแรงจูงใจที่เกินเหตุของคุณไว้ หรือ จงเปลี่ยนมันเป็นการกระทำโดยด่วน
Cr. 100 Tricks ช่วยชีวิตให้พบสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น