วันนี้ผมขอนำบทความส่วนหนึ่งจากหนังสือที่ชื่อ 'ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก สอนวิธีคิด เล่มที่ 1 "วิชาชีวิตที่ไม่มีในตำรา" ' ซึ่งเป็นหนังสือแปลจากสำนักพิมพ์ Bee Media และได้มียอดขายหลายล้านเล่มในจีน เกาหลีและไต้หวัน โดยจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ คือ จะมีเรื่องเล่าสอนใจ หรือ คำกล่าวจากผู้ทรงคุณวุฒิหรือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต มาอธิบายร้อยเรียงกันเป็นบทๆ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมอยากให้แชร์ให้ท่านผู้อ่านและชาวบล็อกเกอร์ได้อ่านกันจริงๆ
-1-
"ทุกคนต่างรู้จักมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ตอนนี้สแตนฟอร์ดมีเอกลักษณ์และกลายเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับชั้นโลกที่มีชื่อเสียงพอๆ กับเรา แต่รู้หรือไม่ว่าสแตนฟอร์ดเกิดขึ้นมาได้อย่างไร สแตนฟอร์ดในวันนี้ต้องขอขอบคุณอธิการบดีของเราคนหนึ่งที่เคยกล่าวคำเย้ยหยันเขา"
อันที่จริงแล้วการก่อตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ มาจากคำพูดเย้ยหยันของอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรื่องนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่?
-2-
หลายปีก่อน ที่สถานีรถไฟบอสตัน รถไฟขบวนหนึ่งค่อยๆชะลอเทียบชานชาลา สามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งเดินโขยกเขยกลงมาจากรถไฟ หญิงชราผู้เป็นภรรยาสวมชุดลายสก๊อตสีจาง ส่วนสามีสวมเสื้อผ้าทอมือที่ทั้งเก่าและขาด ทั้งสองตั้งใจมาพบอธิการบดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่พวกเขาไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า เลยรู้สึกไม่สบายและขาดความเชื่อมั่น แต่ในเมื่อมาแล้วพวกเขาก็ต้องยอมแบกหน้าเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกของอธิการบดี
เลขาสาวมองสามีภรรยาสูงอายุคู่นี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ถามว่า "คุณทั้งสองได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าหรือเปล่าคะ"
สามีภรรยาคู่นี้ส่ายหัว จากนั้นหญิงชราก็รีบพูดว่า "คุณเลขาคะ พวกเรามีเรื่องด่วนเลยรีบมา รบกวนช่วยบอกท่านอธิการบดีหน่อยเถอะ"
พอได้ฟังคำพูดของหญิงชรา เลขาเงียบไปครู่หนึ่ง แม่ว่าเธอจะคิดแล้วสามีภรรยาคู่นี้เป็นคนบ้านนอก อธิการบดีก็คงไม่มีธุรกิจอะไรที่จะคุยด้วย แต่เธอก็ตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวไปบอก และก็เป็นไปตามที่เธอคิด อธิการบดีปฏิเสธคำขอเข้าพบของสามีภรรยาคู่นี้ พร้อมกับบอกกับเลขาให้แจ้งพวกเขาว่าตนเองยุ่งอยู่
เธอจึงนำเอาคำปฎิเสธดังกล่าวไปแจ้งให้สามีภรรยาคู่นี้ทราบ เธอกล่าวว่า "ขอโทษจริงๆ ค่ะ พวกคุณไม่ได้นัดพบท่านอธิการบดีเอาไว้ล่วงหน้า ตอนนี้ท่านกำลังยุ่งอยู่"
สามีของหญิงชราพูดเบาๆว่า "ถ้างั้นเมื่อไหร่ที่ท่านอธิการบดีจะมีเวลาว่างล่ะ พวกเรามีเรื่องด่วนต้องการพบท่าน"
เลขาพูดอย่างสุภาพว่า "ท่านอธิการบดีบอกว่าวันนี้ยุ่งทั้งวัน"
ในขณะที่สามีของหญิงชราคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ภรรยาของเขาก็รีบพูดว่า "ไม่เป็นไร พวกเราจะรอท่านตรงนี้จนกว่าท่านจะสะดวก"
สองสามชั่วโมงผ่านไป เธอไม่ได้สนใจสามีภรรยาคู่นี้ เธอเชื่อว่าคนบ้านนอกสองคนนี้จะหมดกำลังใจและกลับบ้านไปในที่สุด แต่เธอคิดผิด เขาทั้งคู่นี้นั่งอยู่ที่เดิมเงียบๆ โดยไม่มีวี่แววว่าจะจากไป เธอจนปัญญาจำต้องเข้าไปหาอธิการบดีอีกครั้ง
"หากท่านพบพวกเขาสักกี่ไม่นาที พวกเขาก็จะได้รีบไปค่ะ" เลขาพูดกับอธิการบดี
หลังจากที่อธิการบดีฟังเลขาสาวพูด ก็จำต้องทำตามคำขอเธอ สามีภรรยาคู่นั้นจึงเดินเข้าไปในห้องรับแขกของอธิการบดีได้สมใจปรารถนา อธิการบดีกลับว่าท่ายโสและไม่ค่อยพอใจที่ต้องพบกับพวกเขา
อธิการบดีแสร้งทำเป็นพูดว่า "ขอโทษจริงๆ ได้ยินจากเลขาว่า พวกคุณรอผมตั้งนาน ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรหรือครับ"
หญิงชราตอบว่า "ลูกชายคนหนึ่งของเราเรียนอยู่ที่ฮาร์วาร์ด 1 ปี เขาชอบฮาร์วาร์ดมาก เขามีความสุขที่ได้เรียนที่นี่ แต่เมื่อปีก่อนเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต พวกเราจึงคิดอยากจะสร้างสิ่งปลูกสร้างสักอย่างเพื่อระลึกถึงเขาในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้"
พอฟังพูดจบท่านอธิการบดีไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกซาบซึ้ง แต่รู้สึกว่าความคิดของสามีภรรยาช่างน่าขัน จึงตอบกลับอย่างไร้ความอดทน "คูณนี่พูดเล่นเก่งจริงๆ เป็นไปได้ยังไงที่พวกเราจะสร้างรูปปั้นให้กับนักศึกษาที่เสียชีวิตไปแล้วที่เคยเรียนที่นี่ สมมติว่าผมยอมทำตามคำขอแล้วล่ะก็ภายในรั้วของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็คงไม่ใช่รั้วมหาวิทยาลัย แต่จะกลายเป็นสุสาน"
"อ๋อ ไม่ๆๆ" หญิงชรารีบอธิบายว่า "พวกเราไม่ได้หมายความว่าจะสร้างรูปปั้น พวกเราต้องการสร้างสิ่งปลูกสร้างสิ่งหนึ่งให้กับมหาวิทยาลัย"
อธิการบดีมองคู่สามีภรรยาที่สวมเสื้อผ้ามอมแมมตรงหน้าเขา ในใจคิดว่าพวกเขาก็เป็นแค่พวกฝันลมๆ แล้งๆ แต่เขาพยายามเก็บความรู้สึกไม่พอใจนี้ไว้ เขาสูดลมหายใจเข้า พร้อมกับพูดว่า "พวกคุณรู้มั้ยว่าการสร้างสิ่งปลูกสร้างในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดต้องใช้เงินเท่าไหร่ สิ่งปลูกสร้างแต่ละอย่างของมหาวิทยาลัยเรามีมูลค่าเกินกว่า 7.5 ล้านเหรียญ"
หญิงชรานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ามาทางสามีพร้อมกับพูดค่อยๆว่า "สร้างสิ่งปลูกสร้างหนึ่งอย่างต้องใช้เงินมากมายขนาดนี้เชียวหรือ ทำไมพวกเราไม่สร้างมหาวิทยาลัยของตนเองเลยล่ะ"
สามีของเธอพยักหน้า พร้อมกับพูดภรรยาว่า "เธอพูดถูกแล้วล่ะ สร้างมหาวิทยาลัยของตนเองคุ้มค่ากว่าการบริจาคสิ่งปลูกสร้างเพียงอย่างเดียวให้กับคนอื่น"
ดังนั้น คู่สามีภรรยาจึงเดินออกจากห้องอธิการบดี จากนั้นไม่นานพวกเขาได้สร้างมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย และเพื่อระลึกให้ถึงบุตรชายที่จากไป ทั้งสองจึงตั้งชื่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้ว่า "มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด"
สามีภรรยาคู่นี้ก็คือผู้ก่อตั้งบริษัทรถไฟเซ็นทรัลแปซิฟิกนั่นเอง ตอนที่ ลีแลนด์ สแตนฟอร์ด บุตรชายของพวกเขาเดินทางท่องเที่ยวยุโรปเกิดติดเชื้อโรคไทฟอยด์ และโชคไม่ดีล้มป่วยจนเสียชีวิต เดิมทีพวกเขาคิดจะบริจาคเงินสร้างสิ่งปลูกสร้างสักอย่างให้กับบุตรชาย แต่กลับถูกอธิการบดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดปฏิเสธ
-3-
จากเรื่องเล่าข้างต้นจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ชอบตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก พวกเขายโสทะนงตน แค่เพียงเพราะตนเองประสบความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ ก็เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้อื่น พวกเขาหัวสูงไม่ใช่เหตุผลมาวิเคราะห์ปัญหา ทำให้เสียโอกาสดีๆ ที่มาถึงมือตนเอง
Cr. ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก สอนวิธีคิด เล่มที่ 1 "วิชาชีวิตที่ไม่มีในตำรา"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น