ในระหว่างการสื่อความเข้าใจนั้น คุณจำเป็นต้องพึ่ง "สื่อ" ที่เกิดขึ้นด้วยภาษากายมากกว่าสิ่งที่กล่าวออกมาเป็นคำพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต่างคนต่างใช้ภาษาของตน
ร่างกายของคุณ ซึ่งหมายรวมถึงท่วงท่าอิริยาบถและความรู้สึกที่แสดงออกทางสีหน้าล้วนแล้วแต่ส่ง "สาร" ให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้อย่างแน่ชัดว่า คุณคือใคร กำลังมีความรู้สึกอย่างไร และ คุณกำลังคิดอะไรอยู่
ภาษากาย หรือ การสื่อความเข้าใจโดยมิได้กล่าวออกมาเป็นคำพูดนั้น สามารถทำได้ทั้งเป็นการ "ส่งเสริม" หรือ "ลบล้าง" การสื่อความเข้าใจได้ บ่อยครั้งที่มันถูกนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานว่าคุณคือบุคคลที่สมควรจะรับฟังหรือไม่ ดังนั้นภาษากายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อความเข้าใจ
คุณเคยได้ยินว่า ข่าวที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากผู้พูดใช้น้ำเสียงที่แสดงอารมณ์หงุดหงิดหรือแสดงกิริยาท่าทางออกมาอย่างโง่เขลา ดังนั้นเพื่อให้หลีกเลี่ยงหลุมพรางดังกล่าวในขณะที่คุณกำลังพูดอยู่ คุณควรจะนำแนวทางดังต่อไปนี้ซึ่งเป็นการใช้ภาษากายอย่างมีประสิทธิภาพไปใช้
- มองหน้าผู้พูด แต่ไม่ใช่ในลักษณะการเผชิญหน้ากันโดยตรง
- แสดงท่าทางพร้อมจะรับฟังให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นอย่างเปิดเผย
- โน้มตัวไปหาเขาเล็กน้อย
- นั่งให้ใกล้พอเพื่อให้เกิดความรู้สึกสบายใจทั้งสองฝ่าย อย่านั่งพูดเบื้องหลังโต๊ะทำงาน
- ระมัดระวังในภาพลักษณ์ตนเองไม่ว่าจะแต่งกายแบบใดก็ตาม
- ระมัดระวังอากัปกิริยาที่แสดงออก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสนทนาหรือปิดการสนทนาด้วยท่าทางที่แข็งขืน ท่าที่แสดงออกถึงการประนีประนอมหรือตื่นตัวก็ตาม
- ไม่ควรนั่งใกล้ชิดหรือห่างผู้ที่คุณจะพูดด้วยมากเกินไป
- แสดงท่าทางเคลื่อนไหว ซึ่งรวมทั้งความเคลื่อนไหวของร่างกายทุกส่วนด้วย
- คุณควรรู้จักวิธีการปรับระดับน้ำเสียงที่จะใช้ในการพูดรวมไปถึงน้ำเสียงเมื่อเปล่งออกมาควบคุม อัตราความช้าเร็วของการพูด การเน้นเสียงหนักเบา ทุ้มแหลม เป็นต้น
การแปลความหมายของภาษากาย
บางทีคุณจะไม่รู้ตัวเลยว่า แท้ที่จริงแล้วคุณมีความรู้เกี่ยวกับภาษากายอย่างมากมายและมีคนเป็นจำนวนมากที่สามารถมองเห็นความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังถ้อยคำที่เปล่งออกมาเป็นคำพูดด้วย อย่างไรก็ตามท่าทางเดียวกันนั้น อาจมีความหมายผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมก็ได้
มีวิธีการมากมายที่จะทำให้เราสามารถจับสังเกตภาษากายที่อีกฝ่ายหนึ่งแสดงออกอยู่ได้โดยง่าย
- จะต้องถือว่าการแสดงออกภาษากายทุกประการ คือ สิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งใช้แทนคำพูดแต่บางครั้งท่าทางที่เขาแสดงออกอาจจะเป็นบุคลิกส่วนตัว แต่บางครั้งมันก็มีความซับซ้อน เช่น การไม่ยอมประสานสายตาด้วย
- จับสังเกตท่าทางที่อีกฝ่ายหนึ่งแสดงออกพร้อมๆกัน ทั้งนี้ภาษากายนั้นมักไม่แสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะและการแสดงออกท่ารวมๆ เช่นนั้นอาจจะเพื่อเน้นถึงความสำคัญใน "สาร" ที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลัง "สื่อ" อยู่ก็เป็นได้
ทดลองทำทันที
ปรับเปลี่ยนภาษากายอยู่เสมอเพื่อให้ตนได้รับความรู้และสามารถจับสังเกตได้เร็วขึ้น เทคนิคที่ดีประการหนึ่ง คือ ทดลองจับภาพกลุ่มเล็กๆ 2-3 กลุ่มในระยะไกล
จดบันทึกสิ่งที่คุณสังเกตเห็นลงไว้ ถามตัวเองว่าคุณมีความรู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็นนั้นและคุณแปลความหมายภาษากายที่คุณเห็นอยู่ออกมาได้อย่างไรบ้าง
ทดลองแบบฝึกหัดนี้กับเพื่อนสนิทสักคนหนึ่ง แล้วคุณจะพบว่าคุณสามารถจับสังเกตภาษากายที่แตกต่างออกไป และอาจจะแปลความหมายในท่าทางเดียวกันนั้นแตกต่างไปด้วยได้ ซึ่งการค้นพบในความแปลกใหม่นี้มันบอกอะไรกับคุณบ้าง?
เพื่อฝึกฝนในด้านการแปลความหมาย คุณอาจทดลองด้วยการปิดเสียงเครื่องโทรทัศน์ลงประมาณ 15 นาที (ในแต่ละวัน) และลองจับตามองภาษากายที่แสดงออกโดยไม่ได้ยินเสียง ด้วยวิธีเดียวกันนี้ คุณสามารถนำมาใช้ในขณะรับฟังการสนทนา โดยเงี่ยหูฟังแต่เฉพาะน้ำเสียงของผู้พูดเพียงอย่างเดียว
ฝึกฝนการสื่อความเข้าใจกับเพื่อนร่วมงาน และ พยายามเน้นการสื่อความเข้าใจด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งโดยเฉพาะเพื่อทดสอบความสามารถของตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น