วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2559

ต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอเป็นอย่างไร?


      คุณอาจจะงงหรือสงสัยว่า เคลื่อนไหวอยู่เสมอเป็นอย่างไร แต่แท้จริงแล้ว คำว่า "เคลื่อนไหว" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง การนำอวัยวะบางส่วนของตนเองเคลื่อนไปยังจุดที่ต้องการ แต่ทว่าเป็นการสร้างความรับรู้ให้คนอื่นรับรู้ถึงความมุ่งมั่นในการทำงาน แสวงหาความก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา

      จินนี่ โฮล์ม สตรีคนแรกที่ครองตำแหน่งนายพล ในกองทัพบกสหรัฐ กล่าวว่า "หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ ต้องทำตัวเอางานเอาการตลอดเวลา"แม้ว่า ท่านนายพลโฮล์ม จะเน้นวาจานี้กับผู้หญิง มันก็ใช้การได้กับชายผู้พร้อมจะไต่บันไดแห่งความสำเร็จเช่นกัน

      ในอีกแง่หนึ่ง ก็คือ จงให้คนอื่นรู้เห็นว่า คุณกำลังเคลื่อนไหว ไต่เต้าขึ้นสู่เบื้องสูง อย่าปล่อยให้คนอื่นรู้สึกว่า คุณเพียงแต่นั่งอยู่กับที่ ยุ่งอยู่กับงานเล็กๆ และคอยมองนาฬิกาบอกเวลาอยู่เสมอ แต่จงให้เขารู้สึกว่า คุณกำลังเคลื่อนขึ้นไป กำลังทำงานยอดเยี่ยมในตำแหน่งปัจจุบัน และพร้อมที่จะเลื่อนขึ้นสู่เรื่องที่ใหญ่และดีกว่า จงเคลื่อนไหว ทำอะไรบางอย่าง และเคลื่อนไหวตลอดเวลา

      สัญญาณแบบไม่ต้องกล่าววาจา ที่เปล่งประกายแห่งการไต่เต้าของคุณ ประการแรก ออกจะแปลกอยู่หน่อย นั่นคือ โตีะทำงานของคุณเอง ไม่ว่าตำแหน่งของคุณ จะต่ำต้อยเพียงไรก็ตาม ในการเริ่มอาชีพ โต๊ะทำงานจะบอกได้เสมอถึงสถานภาพ

      ลองเปรียบเทียบย้อนกลับไปสิบปี เลขานุการสองคนทั้งคู่ เป็นหญิงสาวเปี่ยมความทะเยอทะยาน สวย และเป็นมิตร ทำงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ ที่โรงถ่ายใหญ่แห่งหนึ่งของฮอลลีวู้ด

      ห้องทำงานเล็กๆ ของ จิลล์ นั้นเกือบจะว่างเปล่า บนผนังสีขาว ปราศจากภาพประทับใดใด จุดสนใจประการเดียวบนผนัง คือ แผนภูมิ บ่งว่าภาพยนตร์ของบริษัทแต่ละเรื่อง จัดสร้างไปถึงไหนแล้ว หรืออยู่ระหว่างวางโครงการ

      โต๊ะทำงานของเธอว่างเปล่า แน่นอนว่า ต้องมีปฏิทินการนัดหมาย โทรศัพท์ พิมพ์ดีด เป็นธรรมดา นอกจากนั้น ก็มีนามานุกรมอยู่ชุดหนึ่ง อย่าได้มองหาคลิปหนีกระดาษที่มักจะกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะทำงานเสียให้ยาก เพราะจิลล์เก็บมันไว้ในลิ้นชัก รวมทั้งกระดาษจดบันทึก และข้าวของกระจุกกระจิกต่างๆที่ใช้ในงานเสมียน

      ไม่มีอะไรมาผ่อนเพลา ประสิทธิภาพของสภาพแวดล้อมของจิลล์ ไม่มีภาพเด็กๆ หรือสัตว์เลี้ยงบนผนัง ไม่มีปฏิทินศิลป์ ไม่มีกระถางต้นไม้

      ห้องทำงานของ เบ้บ นั้นต่างกันมาก มีต้นอะไรเขียวๆ อยู่ตรงโน้นตรงนี้ ต้นแฟฟริกันไวโอเล็ต ห้อมล้อมภาพของครอบครัวที่มีความสุข ผนังเต็มไปด้วยรูปโปสการ์ดที่เพื่อนๆ ส่งมาให้ เวลาเดินทางไปที่ต่างๆ แม้แต่รูปยิ้มแย้มของดาราโทรทัศน์คนโปรดก็มี หม้อกาแฟเดือดปุดๆ ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่ว ให้บรรยากาศของ "คอฟฟี่เบรค" ส่วนข้างๆ ก็มี เครื่องพิมพ์ดีด มีนวนิยายเล่มใหม่ หรือไม่ก็อุปกรณ์ถักนิตติ้งวางอยู่ ไว้สำหรับเวลาว่าง เบ้บได้สร้างบรรยากาศที่น่าสบายของ "บ้าน" อีกแห่งหนึ่ง ให้ตนเอง

       ปัจจุบัน หนึ่งในสองคนนี้ได้ดำรงตำแหน่งรองประธานของโรงถ่ายอีกแห่งหนึ่ง ส่วนอีกคนหนึ่ง ยังคงเป็นพนักงานต้อนรับเช่นเดิม

     คุณคิดว่าใครที่ได้ดำรงตำแหน่งรองประธาน?

       แน่นอนว่าคือ จิลล์

       เห็นชัดว่า ห้องทำงานของจิลล์นั้น ส่งสัญญาณว่า เธอจะไม่อยู่นิ่งในจุดนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือตำแหน่งก็ตาม เธอทำให้ข่าวสารเช่นนี้แจ่มชัด โดยการเก็บเอาสัญญาณการคงอยู่ของตัวเองทุกอย่าง (กระดาษจดบันทึก คลิปหนีบกระดาษ ฯลฯ) ไปจากโต๊ะทำงาน ที่มีอยู่ก็เพียงสัญญาณแห่งการเคลื่อนไหวไต่เต้าขึ้นสูง (นามานุกรม แผนภูมิ)

       จิลล์ส่งสัญญาณว่า "ฉันกำลังมุ่งขึ้นสูง"

       เบ้บ ทำให้ห้องทำงาน สบายเหมือนบ้าน ส่งสัญญาณว่า "ฉันอยากอยู่ที่นี่" ขณะที่แวดล้อมเข้าของที่สำคัญต่อเธอ และชีวิตส่วนตัว (รูปถ่ายลูกๆ โปสการ์ด นวนิยาย งานเย็บปักถักร้อย) เธอได้ส่งสัญญาณออกมาว่า ความสนใจหลักนั้นอยู่ที่บ้าน ซึ่งเห็นได้ง่ายมากว่า เธอไม่ปรารถนาการเลื่อนขั้นโยกย้ายใดๆ ในทางกลับกัน สิ่งเหล่านั้น เป็นของเลี่ยงไม่ได้ เมื่อประสบความสำเร็จถึงขั้นหนึ่งแล้ว

       อย่างไรก็ตาม จงพยายามอย่าแสดงออกมา ในช่วงแรกๆ ของการเริ่มต้นอาชีพ ขณะที่คุณกำลังปีนบันไดขั้นแรกๆ สู่ความสำเร็จ ต้องส่งสัญญาณบอกใครต่อใครว่า คุณกำลังเคลื่อนไหว กฎมีอยู่ว่า จงเคลื่อนที่ต่อไปเมื่อเรียนรู้งานปัจจุบันทั้งหมดแล้ว มีบ่อยครั้ง ที่คนเรา "ติดตัง" อยู่ ณ ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง จนกระทั่ง กลายเป็นถาวรวัตถุ ซึ่งถ้าลองได้เป็นแบบนี้เสียแล้ว ย่อมเป็นเรื่องยาก ที่จะกลับเข้าสู่สายการเลื่อนตำแหน่ง หรือ หางานใหม่ที่ดีกว่าทำ

       ด้วยเหตุนี้ จงเลี่ยงการกลายเป็น "ผู้ขาดเสียมิได้" จงทำงาน แต่อย่าให้เลอเลิศ จนหาคนแทนไม่ได้ เมื่อคุณพบว่า มีงานที่ดีกว่ารออยู่

      เมื่อไรก็ตามที่หัวหน้าของคุณ โอดครวญขึ้นว่า "ผมคงทำงานไม่ได้  ถ้าขาดเขา มือขวาชองผมเชียวนะ" หรือ "ถ้าไม่มีเธอ ผมคงทำอะไรไม่ถูก" จงอย่าโอเอ้ รีบมองหาหน้าที่อื่นทำทันที จงอย่ารอจนกระทั่งมีอะไรที่ดีกว่า หรือ เหมาะสมกว่า เฉียดกรายเข้ามา แต่จงมองหาความเปลี่ยนแปลง ในแนวนอนที่เป็นไปได้

      คุณไม่จำต้อง "ปรับตัว" เสมอไปเมื่อเข้าทำงานหน้าที่ใหม่ งานใหม่ อาจคล้ายคลึงกับงานที่กำลังทำก็ได้ แม้กระนั้นก็ตาม ที่สำคัญคือ ความเปลี่ยนแปลง นั่นคือ คุณเปลี่ยนแปลงสู่บางสิ่งบางอย่าง เคลื่อนที่ไป เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และแตกต่างออกไป นั่นแหละคือ ข้อใหญ่ใจความ

      ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องดีกว่า ที่จะเริ่มอาชีพในองค์กรใหญ่ ที่มีโอกาสดีกว่าในการโยกย้ายแนวนอน การได้เปลี่ยนหน้าที่ เปิดโอกาสที่ส่งผลต่อจุดหมายของคุณ เพราะคุณได้ปฏิเสธที่จะให้เหตุการณ์ควบคุมจากนั้นเมื่อเคลื่อนไหวอยู่เสมอก็จะแปลกใจว่า ตัวเองสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้มากเพียงใด และในไม่ช้า ก็จะได้มาซึ่งความรู้สำคัญๆ ในเรื่องต่างๆ จำนวนหนึ่ง

      ความรู้ที่กว้างขวางในกรอบงานแห่งแวดวงของคุณ เป็นสิ่งเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งความรู้เหล่านี้ จะเป็นจุดที่ทำให้คนในระดับสูงรู้จักตัว ด้วยสาเหตุสองประการ คือ ความรู้ และ การอยู่ในสายตา ย่อมเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่จะได้รับการเลื่อนขั้น

      อย่างไรก็ตาม ถ้ายังไม่เห็นว่าจะได้รับเลื่อนตำแหน่งภายในเวลาที่สมควร ก็ถึงคราวที่คุณต้องกลายเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" 

      จงตรวจตรา "ความรู้" ที่ได้มา แล้วเลือกบางประการที่สามารถควบคุมได้ออกมา มาถึงจุดนี้ของอาชีพแล้วคุณต้องเป็นผู้สร้างสรรค์ จงหาอะไรบางอย่างที่ใหม่ ที่คุณสร้างขึ้นเองไม่เหมือนใคร ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน

      "สิ่งนั้น" อาจเป็นระบบจัดเก็บเอกสารใหม่ จัดรวบรวมข้อมูลในอดีตและปัจจุบัน หรือ จัดทำรายการเกี่ยวกับเส้นทางการบินและเดินรถไฟฟ้าทั้งภายในและนอกประเทศ ถ้าผู้บริหารหลายคนในบริษัทต้องเดินทางเสมอ

    จงเลือกเรื่องอะไรก็ได้ ที่ทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ 
    และทำให้ความเชี่ยวชาญของคุณเป็นที่ปรากฎ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น