วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข้อคิดจากเรื่องเล่า: ใช้เงินอย่างไร? เกิดประโยชน์


       "คุณธรรมอันดีงามเปรียบได้กับเพชรที่ดูงดงามโดดเด่นขึ้น เมื่ออยู่ท่ามกลางฉากหลังอันเรียบง่าย" --ฟรานซิส เบคอน

       เพื่อนของฉันบางคนระบายอารมณ์ด้วยการไปช็อปปิ้ง ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี ซื้อเสื้อผ้า ซื้ออาหารเสริมบำรุงร่างกาย สุดท้ายก็กองไว้เต็มตู้จนหมดอายุ เงินช่วยสร้างความสุขให้พวกเขาได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ธนบัตรในกระเป๋าจะอายุสั้นมาก เพียงวันสองวันก็สลายไปหมดแล้ว

       เพื่อนบางคนเก็บเงินไว้ในธนาคาร ไว้ในตลาดหลักทรัพย์ ตัวเองกินแต่บะหมี่สำเร็จรูปวันละสามมื้อ กระทั่งจะซื้อยาบำรุงมากินก็ยังเสียดาย รอจนธนาคารลดดอกเบี้ย หุ้นรูดทั้งกระดาน ไฟแนนซ์ล้ม ค่อยมาบ่นว่า รู้อย่างนี้สู้เอาธนบัตรมาพับเครื่องบินกระดาษเล่นเสียยังจะดีกว่า

       คนที่เอาแต่รักษาทรัพย์สมบัติอย่างยอมตายถวายชีวิต ย่อมจะถูกธนบัตรจูงจมูกให้เดิน คนที่รู้ว่าควรจะใช้เงินอย่างไรต่างหาก ที่เป็นคนฉลาดและมีความสุขที่สุดในโลก

       ...พ่อของลินดาจากโลกนี้ไปตลอดกาลเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากงานศพผ่านพ้นไป ครอบครัวก็เหลืออยู่เพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น ต่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน ทั้งสองใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

       พ่อของลินดาเป็นนักดนตรี ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งครอบครัวก็ค่อนข้างขัดสนอยู่แล้ว ยิ่งมาจากไปเช่นนี้ภรรยาหม้ายของเขาก็ต้องเลี้ยงดูบุตรสาวที่ยังเล็กตามลำพัง ชีวิตความเป็นอยู่ยิ่งแร้นแค้นหนัก

       ปีนี้ลินดาอายุถึงเกณฑ์จะต้องเข้าโรงเรียนแล้ว เนื่องจากอับจนสิ้นหนทาง แม่จึงต้องพาลินดาบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้จัดการนักดนตรีที่พ่อเคยร่วมงานด้วย เมื่อครั้งที่จัดงานศพ ผู้จัดการท่านนี้ก็ยังมาร่วมงาน ผู้จัดการเห็นอกเห็นใจสองแม่ลูกอย่างมาก หลังจากทราบจุดประสงค์ในการมาพบ เขาก็รับปากจะช่วยเหลือ

      "คุณต้องการเงินเท่าไหร่ คุณผู้หญิงที่เคารพ" ผู้จัดการถามแม่ของลินดา

      "สักร้อยดอลลาร์ก็พอค่ะ ดิฉันจะนำไปลงทุนทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเราสองคนแม่ลูก" หญิงหม้ายกล่าวด้วยท่าทางระทมทุกข์

      ผู้จัดการหยิบสมุดเช็คออกมาเขียนแล้วยื่นให้ พร้อมทั้งบอกว่า "แค่ถือเช็คนี้ไปที่ธนาคารฝั่งตรงข้ามคุณก็จะได้รับเงินแล้ว ผมขออวยพรให้คุณโชคดีครับ คุณผู้หญิง"

      แม่พาลินดามายังธนาคารซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พนักงานประจำเคาน์เตอร์รับเช็คแล้วมอบเงินให้หนึ่งพันดอลลาร์ เธอตกตะลึงถามว่า "ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันต้องการเงินเพียงหนึ่งร้อยดอลลาร์ เพราะอะไรคุณถึงให้เงินฉันมากเช่นนี้"

      พนักงานนำเช็คมาดูอย่างละเอียดแล้วบอกว่า "ไม่ผิดหรอกครับ ในนี้เขียนจำนวนเงินหนึ่งพันดอลลาร์ไว้ชัดเจน"

      "ขอโทษค่ะ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ" เธอคืนเงินให้พนักงานแล้วขอเช็คกลับคืนมา จากนั้นก็รีบกลับไปหาผู้จัดการผู้นั้น พอพบหน้า แม่ของลินดาก็บอกว่าเขากรอกตัวเลขในเช็คผิดไป

      ผู้จัดการรับเช็คมาดู จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มพลางบอกกับสองแม่ลูกว่า "ผมไม่ได้เขียนผิด เมื่อก่อนสามีคุณช่วยเหลือผมไว้ไม่น้อย ในที่สุดผมก็มีโอกาสตอบแทนน้ำใจเขาแล้ว เงินทองหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะหาโอกาสใช้เงินอย่างมีความหมายเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง ขอบคุณที่คุณให้โอกาสแก่ผม"

      ...ความจริงแล้ว ผู้จัดการนักดนตรีผู้นี้ จะไม่ให้เงินแก่แม่ของลินดาก็ได้ เพราะคนที่เคยทำงานช่วยเขาหาเงินทองก็เสียชีวิตไปแล้ว และวันข้างหน้า เขาอาจไม่ได้พบหน้าสองแม่ลูกคู่นี้อีกเลยก็เป็นได้

      แต่ทว่า เมื่อเขาเห็นผู้เป็นแม่มองมาที่เขาด้วยความซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอหน่วย และยิ่งเมื่อคิดไปถึงว่า เขามีส่วนช่วยให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ได้เรียนหนังสือ เขาก็รู้สึกว่าเขาใช้เงินจำนวนนี้ไปอย่างคุ้มค่า เป็นการใช้เงินที่สร้างความสุขใจให้แก่เขาเป็นอย่างยิ่ง


เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่?

       เงินนั้นหาได้ทุกเวลา ใช้ได้ทุกเวลา แต่คนเฉลียวฉลาดจะไม่ใช้เงินซื้อความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เขาจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Cr. สุขได้ถ้าวางเป็น - หนังสือ, โลกทรรศนะ - Facebook Page

---

เพิ่มเติม

ถ้าคุณอ่านจบบทความนี้แล้ว ผมขอนำเสนอคลิปดีๆที่มีเนื้อหาที่ให้ข้อคิดคล้ายๆกันกับบทความข้างต้น 
โดยคลิปนี้อาจช่วยให้คุณได้ซาบซึ้งกับเนื้อหาในบทความข้างต้นมากกว่าเดิม

"ใกล้ถึงวันปีใหม่ (New Year's Day) แล้วอย่าลืมแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับคนที่คุณรักด้วยนะครับ"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น