"ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของคนคนหนึ่ง อยู่ตรงที่เขายอมรับได้ว่า ตนนั้นเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ" -จอห์น พอล
เมื่อฉันทราบว่า แองโจลินา โจลี รับเด็กชาวแอฟริกันเป็นบุตรบุญธรรมหลายคน ทั้งยังหาพวกเขามาอยู่ด้วยกันที่บ้าน และเลี้ยงดูด้วยตัวเอง ภาพลักษณ์ของเธอก็พุ่งจากดาราสาวเซ็กซี่คนหนึ่งของฮอลลีวูดขึ้นไปเป็นเทพธิดาของโลกเลยทีเดียว
เธอไม่สนใจว่าสังคมภายนอกจะวิพากษ์วิจารณ์ว่าอย่างไร เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นใด คิดเพียงว่าตัวเองเป็นแม่คนหนึ่งเท่านั้น ฉันเชื่อว่าในโลกนี้มีดาราสาวเซ็กซี่อยู่มากมาย แต่กลับไม่มีใครเซ็กซี่มากพอที่จะทำให้ผู้คนเคารพนับถือได้เช่นเธอแม้แต่คนเดียว
ยามที่เธอปลดรัศมีความเป็นดาราลง ภายใต้รูปโฉมอันเย้ายวนใจนั้น กลับเปล่งประกายแห่งความงดงามอ่อนโยน เป็นความงามที่ไม่มีสิ่งใดมาบดบังได้
มีบทกวีอยู่บทหนึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เป็นบทกวีที่มิสเตอร์รุดยาร์ด คิปลิง กวีผู้มีชื่อเสียงเขียนไว้ในจดหมายถึงบุตรชายอายุ 12 ปี เนื้อหามีดังนี้...
หากยามใดที่ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่ท่ามกลางผู้คน ลูกยังวางตัวนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน ไม่ใช่ใครว่าอะไรก็ว่าตาม
หากยามใดถูกผู้คนสงสัยหวาดระแวง ลูกยังคงเชื่อมั่นในตัวเองเช่นเดิม ไม่รีบร้อนหาข้อแก้ตัว
หากลูกมีความฝัน แต่ก็ไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
หากลูกมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ไม่ทำอะไรสุดขั้วจนเกินไป
หากยามประสบความสำเร็จลูกก็ไม่หลงระเริง และยามที่ประสบเคราะห์กรรมก็แบกรับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างกล้าหาญ
หากหลังจากเห็นภาพอันสวยงามที่ลูกมุ่งแสวงหาต้องแตกสลายกลายเป็นกองเศษกระเบื้อง แต่ลูกก็ไม่เคยเอ่ยว่าจะล้มเลิกความตั้งใจ
หากหลังจากฟันฝ่าความยากลำบากมาอย่างหนัก จนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงแล้ว ลูกยังกล้าที่จะเสี่ยงอีกครั้ง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายใหม่ แม้จะต้องเสี่ยงกับการสูญเสียสิ่งที่มีอยู่ในเวลานั้นไปก็ตาม
หากยามสนทนากับชาวบ้าน ลูกยังคงนอบน้อมถ่อมตนมีมารยาทไม่เปลี่ยน ยามเดินเล่นกับคนใหญ่คนโต ลูกก็ไม่มีท่าทีประจบสอพลอให้เห็น
หากความมุ่งมั่นของผู้อื่นไม่มีอิทธิพลใดๆ ต่อลูก
หากไม่ว่าลูกจะคลุกคลีตีโมงอยู่กับใคร ลูกก็ยังยืนหยัดในึความเป็นตัวของตัวเองได้
หากทัศนะอันโฉดเขลาไม่อาจทำให้ศรัทธาของลูกคลอนแคลนได้ ลูกจะรอจนกว่าจิตใจจะสงบแล้วจึงตอบโต้ได้
หากทำได้เช่นนี้ ก็แสดงว่าลูกมีความรู้อย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง ลูกก็คือวีรบุรุษที่แท้จริง
---
เรื่องนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่?
ทุกท่านต่างรู้ว่าคำว่า 'ฉัน' ในภาษาอังกฤษที่ทำหน้าที่ประธานของประโยคคือ 'I' และตัวที่ทำหน้าที่เป็นกรรมหรืออยู่ท้ายประโยคก็คือ 'me' ไม่ว่าใครต่างก็อยากเป็น 'I' ด้วยกันทั้งนั้น
ทว่า ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่กลับมีชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนจะธรรมดาเช่น 'me' เท่านั้น แต่วีรบุรุษทุกคนที่เป็น 'I' กลับยินดีจะเป็น 'me' และพยายามใช้ชีวิตแต่ละวันเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป ขอเพียงเราพยายามเป็น 'me' ให้ดี วันเวลาที่จะกลายเป็น 'I' ก็อยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ
---
Cr. สุขได้ถ้าวางเป็น - หนังสือ & โลกทรรศนะ - Facebook Page
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น